เศรษฐกิจโลกฟื้นดัน “ส่งออกไทย” เดือนก.พ.โตต่อเนื่อง12เดือน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยตัวเลขส่งออกดือนก.พ.ว่า การส่งออกไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่12 ซึ่งสอดคล้องกับการส่งออกของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เนืองจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าทั่วโลกอยู่ในทิศทางฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้งภาคการผลิต และภาคการบริโภคแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แต่หลายประเทศก็สามารถรับมือได้ดี 

โดยเฉพาะมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดในภาคอุตสาหกรรมส่งผลให้การผลิตเพื่อการส่งออกไม่ได้หยุดชะงัก  โดยเดือนกุมภาพันธ์ขยายตัวเป็นบวก16.2% มีมูลค่าการส่งออก 23,483.1ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  การนำเข้ามี23,359.8ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือบวก16.8%  และได้ดุลการค้าเกินดุล123.3ล้านดอลลารสหรัฐ

ขณะที่ภาพรวมการส่งออก2เดือน (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า44,741.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว12.2% การนำเข้ามีมูลค่า47,144.8ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขาดดุลการค้ามูลค่า2,403.1ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับเดือนกุมภาพันธ์  ตลาดที่ขยายตัวในระดับสูง 10 อันดับแรก ประกอบด้วย 1.รัสเซีย+33.4% 2.อาเซียน 5 ประเทศ +31.5% 3.ฮ่องกง +29.8% 4.เกาหลีใต้ +28.9% 5.สหรัฐฯ +27.2% 6.อินเดีย +23% 7.ไต้หวัน +17.7% 8.สหราชอาณาจักร +17.3% 9.CLMV +14.4% 10. ตะวันออกกลาง +13.8%

ปัจจัยที่หนุนการส่งออกของไทย ประกอบด้วยหลายปัจจัยที่เอื้อต่อการส่งออก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มศักยภาพการส่งออกสินค้าเกษตร ตามยุทธศาสตร์ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”   เช่น ข้าว ซึ่งปีนี้คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวบรรลุเป้าหมายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000,000 ตันและจะมีตลาดเพิ่มในตะวันออกกลาง

การหาตลาดใหม่ที่ตั้งเป้าไว้ โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เริ่มปรากฏผลคือซาอุดิอาระเบีย โดย อย.ซาอุฯ อนุญาตให้นำเข้าไก่จาก 11 โรงงานของไทยได้แล้วและสัปดาห์หน้าจะมีการส่งออกไก่ล็อตแรกไปยังซาอุดิอาระเบีย นอกจากนี้เล็งฟื้นJTCไทย-ซาอุฯ ซึ่งจะช่วยดันให้การส่งออกไทยเพิ่มมากขึ้นในปีนี้

การส่งเสริมกิจกรรม Online Business Matching หรือ OBM จับคู่ค้าขายออนไลน์และส่งเสริมการขายตามห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศ  เช่น กลุ่มอาหารแห่งอนาคต สินค้า BCG สามารถสร้างมูลค่าได้ 3,450 ล้านบาท โดยคู่เจรจา 5 อันดับแรกประกอบด้วย อินเดีย เมียนมา ญี่ปุ่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ และมีการจัด In-store promotionที่ห้างดองกี้ของญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการขายสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป ผลไม้และข้าว เป็นต้น

“กระทรวงพาณิชย์จะต้องติดตามกับภาคเอกชนเพื่อแก้ปัญหาร่วมกันต่อไปในรูปของคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งเดือนกุมภาพันธ์ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่เดือนมีนาคมและเมษายนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและแก้ปัญหาร่วมกับเอกชนต่อไปและลงลึกจากข้อมูลของทูตพาณิชย์ทั่วโลกว่าจะมีผลกระทบด้านไหน”