เอกชนมั่นใจส่งออกข้าวปีนี้ ทวงเบอร์2 คืนจากเวียดนามได้แน่

22 มี.ค. 2565 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2565 | 16:38 น.

เอกชนมั่นใจส่งออกข้าวปีนี้ ทวงแชมป์เบอร์2 จากเวียดนามได้แน่ เป้าปีนี้ไทยตั้งไว้ที่7ล้านตันไม่ไกลเกินเอื้อมหลังราคาใกล้เคียงคู่แข่งและลูกค้าหันมาซื้อข้าวไทยมากขึ้น

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย  เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวในขณะนี้ว่า 3 เดือน (มกราคม-มีนาคม)ไทยส่งออกข้าวไปแล้วกว่า2ล้านตัน หรือเฉลี่ยเดือนละ7แสนตัน  ดังนั้นหากไทยส่งออกข้าวไทยเฉลี่ยที่7แสนตันต่อเดือน เป้าที่ตั้งไว้ว่าไทยส่งออกข้าวทั้งปีที่7ล้านตันไม่ไกลเกินไป

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

และน่าจะกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ2ของโลก แซงหน้าเวียดนามที่ปีก่อนเวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์2 และไทยเป็นเบอร์3  ส่วนอันดับ1 ยังคงเป็นอินเดียเพราะด้วยราคาของอินเดียที่ยังถูกกว่าไทย50ดอลลาร์สหรัฐ

 

เอกชนมั่นใจส่งออกข้าวปีนี้  ทวงเบอร์2 คืนจากเวียดนามได้แน่

ทั้งนี้สาเหตุที่ข้าวไทยกลับมาคึกคัก ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการข้าวในต่างประเทศดีขึ้น ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข็งขันได้ โดยราคาข้าวไทย ณ ตอนนี้ ราคาFOB ข้าว5%อยู่ที่ 415-420ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน  ซึ่งใกล้เคียงกับราคาคู่แข่งอย่างเวียดนามที่มีราคาอยู่ที่415ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน  ทำให้ลูกค้าตัดสินใจหันมาซื้อข้าวไทยมากขึ้น  

เอกชนมั่นใจส่งออกข้าวปีนี้  ทวงเบอร์2 คืนจากเวียดนามได้แน่

และอีกสาเหตุหนึ่งคือความต้องการข้าวในประเทศโดยเฉพาะโรงงานผลิตอาหาร ที่ขณะนี้ราคาข้าวโพด ข้าวสาลี ปรับตัวสูงเป็นอย่างมาก ดังนั้น ผู้ผลิตจึงหันมาใช้ข้าวกล้อง เป็นการผสมที่ให้ดีมานด์ตรงนี้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวสูงขึ้นโดยราคาตอนนี้อยู่ที่ตันละ8,500บาทจากเดิมราคาอยู่ที่7,000บาทต่อตัน

เอกชนมั่นใจส่งออกข้าวปีนี้  ทวงเบอร์2 คืนจากเวียดนามได้แน่

“มั่นใจว่านี้ไทยน่าจะกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์2ของโลก แม้ว่าเวียดนามจะมีผลผลิตที่มากแต่ก็บริโภคในประเทศเป็นหลักเหลือส่งออกประมาณ6-6.5ล้านตันไม่เกิน7ล้านตัน ดังนั้นปีนี้ไทยน่าจะขยับมาอยู่อันดับ2 ส่วนตลาดที่ไทยยังส่งออกไปได้เพิ่มคือตลาดอิรัก อิหร่าน โดยปีทที่ผ่านมาไทยส่งออกไปตลาดอิรัก3แสนตัน ซึ่งปีนี้น่าจะใกล้เคียงหรือมากกว่าเล็กน้อย การแข่งขันในตอนนี้จะแข่งขันกันที่ราคาเป็นหลัก เพราะคุณภาพข้าวแทบจะไม่แตกต่างกันมาก”