น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI เปิดเผยผลการประชุมบอร์ด BOI ว่า ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติปรับปรุงสิทธิประโยชน์การให้ส่งเสริมลงทุนกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV โดยมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนนักลงทุนรายเล็ก และกลุ่มสตาร์ทอัพ ดังนี้
“การปรับปรุงสิทธิประโยชน์และเงื่อนไขในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือธุรกิจสตาร์ทอัพ สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ของบีโอไอได้ง่ายขึ้นและสร้างระบบนิเวศรองรับการบริหารจัดการธุรกิจบริการอัดประจุไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต” นางสาวดวงใจกล่าว
สำหรับการปรับปรุงประเภทกิจการสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ สอดคล้องตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 30% ของปริมาณการผลิตรถยนต์ หรือ 750,000 คัน (เป็น BEV: Battery Electric Vehicle 375,000 คัน) ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030)
จึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานของสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเติบโตขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบดำเนินการจัดทำแพลตฟอร์มบูรณาการหรือแพลตฟอร์มส่วนกลาง สำหรับบริหารจัดการเครือข่ายระบบอัดประจุไฟฟ้า เพื่อเชื่อมโยงระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเพียงพอต่อความต้องการ
โดยต้องเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็ก หรือธุรกิจ Startup สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้วย เพื่อส่งเสริมให้เกิดสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น โดยการดำเนินงานต้องเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดผลตามเป้าหมายที่กำหนด
รวมถึงต้องมีการบูรณาการแผนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางคมนาคมของกระทรวงคมนาคมให้สอดคล้องกับแผนด้านพลังงานของกระทรวงพลังงานด้วย เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เกิดผลเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเร็ว