นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามนโยบายความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า ในที่ประชุมการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รายงานความก้าวหน้าการส่งมอบพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้กับบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เบื้องต้นที่ดินของรฟท. มีสัญญาเช่าทั้งสิน 15,528 สัญญา แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่ดินที่มีสัญญาเช่าเดิม เช่น กลุ่มสัญญาเช่าที่ยังไม่หมดอายุสัญญา และสัญญาเช่าฝ่ายปฏิบัติการเดินรถเป็นคู่สัญญา เป็นต้น 2.กลุ่มพื้นที่ว่าง (โครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ หรือกลุ่มพื้นที่ออกจัดประโยชน์ใหม่) เช่น ที่ดินแปลงธนบุรี และที่ดินแปลงหัวหิน (โรงแรม) เป็นต้น และ 3.กลุ่มที่ไม่ส่งมอบให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (บริษัทฯ) บริหาร ได้แก่ สัญญาเช่าหน่วยราชการ สัญญาทางเข้า - ออก สัญญาปักเสาพาดสาย และสัญญาลูกค้าขนส่งทางรถไฟ เป็นต้น
ทั้งนี้รฟท.และบริษัทฯ มีแผนการดำเนินงานเพื่อกำหนดอัตราค่าบริหารดำเนินการ และลงนามในสัญญาจ้าง จะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ในเดือนกันยายน 2565 หลังจากนั้นรฟท.สามารถเริ่มส่งมอบพื้นที่ให้บริษัทฯ ภายหลังจากการลงนามในสัญญา
ส่วนประโยชน์ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะได้รับ คือ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ลดระยะเวลาการพิจารณาต่ออายุสัญญาเช่าหรือการออกจัดหาประโยชน์ใหม่ ลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านบริหารทรัพย์สิน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในการบริหารจัดการทรัพย์สิน
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เบื้องต้นบริษัทฯ ได้วางระบบที่เกี่ยวข้อง ถึงร่างระเบียบ/หลักเกณฑ์ รวมถึงศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่โครงการขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมการเพื่อบริการทรัพย์สิน โดยมีเป้าหมายของการดำเนินธุรกิจ คาดว่าในปี 2566 จะมีประมาณการรายได้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท และปี 2570 จะมีประมาณการรายได้อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท และในระยะ 30 ปี จะมีประมาณการรายได้รวม 600,000 ล้านบาท (ไม่รวมรายได้จากธุรกิจอื่นๆ จากการตั้งบริษัทลูก)
นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มีการเริ่มศึกษาโครงการต่างๆ เช่น โครงการรถแรมรถไฟหัวหิน ที่อยู่ระหว่างการทบทวนผลการศึกษาใหม่ และประเมินมูลค่าสิทธิการเช่าปัจจุบันและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวข้องใหม่ โดยจะมีการเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับบริษัทฯ สามารถเจราจากับผู้เช่าได้ เพราะใกล้จะครบกำหนดสัญญา ส่วนสาเหตุที่มีการทบทวนโครงการฯใหม่นั้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลกระทบโดยตรงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ และโครงการธนบุรี ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ และคณะทำงาน จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ในการพัฒนาพื้นที่ การจัดทำแผนแม่บทโครงการสถานีธนบุรี ซึ่งเป็นดครงการที่ถูกพัฒนาให้เป็นศูนย์ทางการแพทย์ชั้นนำและสังคมสีเขียว