นางธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์การกองทุน กสิกรไทย จำกัด ได้เปิดเผยมุมมอง การลงทุนด้าน ESG ในงาน เสวนา SET ก้าวสู่ปีที่ 48 ขับเคลื่อนตลาดทุนแห่งอนาคต “เดินหน้าอย่างไร ในวันที่ความยั่งยืนเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ - Sustainable Driver For Meaningful Growth” โดยพูดถึง ปัจจุบันความสนใจเรื่องการลงทุนที่เน้นเรื่อง ESG ขยายขอบข่ายมากขึ้น เนื่องจากคนส่วนใหญ่เริ่มตระหนักถึงผลกระทบที่ตัวเองได้รับจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระวังสำหรับการลงทุนด้าน ESG คือ การสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้ลงทุนเข้าใจผิดว่า เรามีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ธรรมาภิบาล หรือที่เรียกว่า “Green wash” ดังนั้น ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ และดูว่าบริษัททำตามนโยบายไหม
รายงาน Global Sustainable Review ปี 2563 พบว่าแนวโน้มลงทุนโดยใช้หลักการ ESG ใน 5 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกเติบโตกว่า 50% ขณะที่ทุกภูมิภาคมีเม็ดเงินลงทุนอย่างชัดเจน และเติบโตอย่างก้าวกระโดด 1 ใน 3 ของมูลค่าการลงทุนทั่วโลกเป็นการลงทุนแบบ ESG ขณะสัดส่วนการลงทุนใน ESG ในประเทศไทยยังน้อยมาก มีแค่ 3.4% หรือ 6 หมื่นกว่าล้านบาทของมูลค่าการลงทุนกองทุนรวมหุ้นในประเทศทั้งหมด ซึ่งอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านบาท
ส่วนในยุโรป ซึ่งถือเป็นกลุ่มประเทศที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG มาตั้งแต่แรก กลับมีการเติบโตด้านการลงทุน ESG ลดลง ทั้งนี้เนื่องจาก หน่วยงานผู้กำกับดูแล ได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับการตรวจสอบบริษัทต่างๆ ที่พยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าตัวเองมีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาล แต่ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นตามนั้น ที่ผ่านมา จึงมีการคัดบริษัทที่ เป็น“Green wash” ออกไป ดังนั้น นักลงทุนต้องทำความเข้าใจ และติดตามว่าบริษัททำตามนโยบายหรือไม่ และมีการวัดผลอย่างไร
ประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Emerging Market อย่างประเทศไทย ประเด็นธรรมมาภิบาลนั้นก็สำคัญ เพราะถ้าบริษัทมีธรรมาภิบาลที่ดี ก็สามารถให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสังคมในเชิงนโยบายที่ดีและมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการเปิดเผยข้อมูลด้านธรรมาภิบาลของไทยมีมาก และเข้าถึงได้ง่ายกว่าด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยังค่อนข้างจำกัด
ที่ผ่านมา การลงทุนด้าน ESG ยังค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เราควรสร้างความตระหนักแก่นักลงทุนทั่วไป ในแง่ของการให้ความสำคัญของการนำปัจจัย ESG มาพิจารณาร่วมด้วยในการตัดสินใจลงทุน หน้าที่ของผู้จัดการลงทุนคือการสร้างสมดุลระหว่างการสร้างผลตอบแทนและประเด็นด้าน ESG ในฐานะนักลงทุนสถาบัน เชื่อว่าการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ โดยคำนึงถึง ESG จะทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนได้ ช่วยลดความเสี่ยงทั้งปัจจัยภายนอกและภายในตัวธุรกิจเอง และช่วยแยกแยะและเพิ่มโอกาสการลงทุน
ขณะที่บริษัทจดทะเบียน ต้องเห็นความสำคัญของการทำ ESG ด้วย ปัจจุบันพบว่าการปฏิบัติตามหลัก ESG ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ส่วนบริษัทขนาดกลางและเล็กแม้มีความเข้าใจและต้องการดำเนินการ ก็ยังติดเรื่องทรัพยากร จึงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
ภาพรวมกองทุน Passive Investment พบว่าทั่วโลกมีการเติบโตตามเทรนด์ ESG อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอเมริกาและยุโรป ขณะที่ กลยุทธ์การลงทุน ESG แบบ Active Investment ก่อนหน้านี้ ทั่วโลกใช้ Negative Screening โดยวิธีคัดบริษัทที่ไม่ผ่านการพิจารณาตามหลัก ESG ออกจากรายชื่อที่สามารถลงทุนได้ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ ESG Integration แทน เป็นการรวมกลยุทธ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้มีความยืดหยุ่นในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนได้มากขึ้น
การประเมิน ESG ของ KAsset จะให้น้ำหนักในแต่ละปัจจัยไม่เท่ากัน เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนในแต่ละอุตสาหกรรม จะมีผลกระทบในด้าน ESG ที่แตกต่างกันออกไป เช่น กลุ่มพลังงานจะมีผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่กลุ่มธนาคารอาจต้องให้ความสำคัญในด้านสังคมมากกว่าธุรกิจอื่น