รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ก่อนเดินทางไปสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงการต่ออายุการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล หลังจากมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดวันที่ 20 พฤษภาคม นี้
ทั้งนี้ในการหารืออย่างเคร่งเครียดในที่สุดก็ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า กระทรวงการคลัง จะยอมเฉือนรายได้ด้วยการเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า พิจารณาเห็นชอบการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลจากเดิม 3 บาทต่อลิตร
ส่วนระยะเวลาการปรับลดลงนั้น จะขอดูความเหมาะสม ทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันและการสูญเสียรายได้อีกครั้ง ก่อนสรุปเสนอครม. พิจารณาเห็นชอบต่อไป เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาน้ำมันแพง
“จากการหารือกระทรวงการคลังได้เสนอโมเดลให้ดูว่าเป็นยังไง หากจะต่อเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงอีกซึ่งอาจจะทำให้สูญเสียรายได้ตกเดือนละเกือบหมื่นล้านบาท”
ทั้งนี้ก่อนที่รัฐบาลจะมีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประเภทต่าง ๆ มีรายละเอียด ดังนี้
สำหรับการการปรับลดภาษีลงในครั้งก่อนหน้านี้ลง 3 บาทต่อลิตร ประเมินว่า จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันประมาณ 17,100 ล้านบาท ซึ่งแหล่งข่าว ยอมรับว่า การตัดสินใจปรับลดภาษีเพิ่มจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีเฉลี่ยเดือนละเกือบหมื่นล้านบาท