นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ (11 พ.ค.2565) ได้รับหนังสือแจ้งจาก สมาคมผู้ค้าน้ำมันประมงในเขตต่อเนื่อง ถึงสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เนื่องด้วยข้อเท็จจริงโครงการจำหน่ายน้ำมันเขียวในเขตต่อเนื่องนั้น เกิดขึ้นมาจากแรงผลักดันของชาวประมงซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง กลุ่มเรือประมงที่ได้รับความเดือดร้อนได้ยื่นเรื่องผ่านทางสมาคมประมงแห่งประเทศไทยให้เสนอแนวทางไปยังรัฐบาลขณะนั้น และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
โดยร่วมกันหาวิธีการแก้ปัญหาดังกล่าว จนเป็นเหตุให้เกิดโครงกรน้ำมันในเขตต่อเนื่องตามที่ทุกฝ่ายก็ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น และชาวประมงก็ได้ใช้น้ำมันราคาปลอดภาษีที่เหลือจากกำลังการผลิตจากโรงกลั่นในประเทศ ที่ปกติต้องนำออกไปขายให้ต่างประเทศอยู่แล้ว โดยรัฐไม่ต้องเสียงบประมาณมาช่วยชาวประมงอีกเลยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี2547 เป็นต้นมา
“ธุรกิจประมง” ของประเทศก็เจริญรุ่งเรืองมาตลอด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนเป็น คสช. ก็มีการเปลี่ยนวิถีชีวิตของเจ้าของเรือประมงจากคนที่เคยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมอาหารในประเทศกลายเป็นผู้ร้าย ทั้งที่ความจริงเขาไม่ได้ผิดอะไรเลยแต่รัฐบาลกลับตั้งทีมงานมาไล่ล่าหาความผิดให้จนชาวประมงเจ๊งเกือบทั้งประเทศ ส่วนเรื่องน้ำมันเขียวซึ่งเป็นโครงการที่ชาวประมงและหลายรัฐบาลที่ผ่านมาภูมิใจและพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เคยอนุญาตให้เป็นโครงการถาวรนั้น
ขณะนี้รัฐบาล คสช. ก็ตั้งทีมงานมาไล่ล่าและพยายามคันหาความผิดเอากับผู้ประกอบการ โดยพยายามตั้งข้อหาที่เกิดจากความผิดพลาดเพียงเล็กๆน้อยๆ มาดำเนินคดี และตั้งข้อหาที่ร้ายแรงมีโทษปรับที่สูงมาก ทั้งที่ความจริงโครงการนี้ก็เป็นโครงการของรัฐบาลเอง รัฐบาลน่าจะสนับสนุนคุ้มครองด้วยซ้ำ แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ดังนั้นจากเหตุการณ์ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และราคาน้ำมันที่เป็นอยู่ขณะนี้
ก็คงเห็นอยู่แล้วว่าเรือประมงจะต้องหาวิธีเอาน้ำมันจากช่องทางอื่นมาใช้เพื่อความอยู่รอดไปก่อน ดังนั้นสมาคมจึงได้หารือปัญหานี้และมีความเห็นร่วมกันว่าเรือบรรทุกและเรือสถานีบริการน้ำมันเขียว ก็คงเดินมาสุดทางแล้ว เนื่องจากรัฐบาล ได้จัดตั้งทีมล่ล่าขึ้นมาหลายหน่วยงาน และแต่ละหน่วยงานต่างฝ่ายต่างบังคับใช้กฎหมายไปคนละทิศทาง เป็นการใช้กฎหมายซ้ำซ้อนย้อนแย้งกันเอง ทำให้ผู้ปฏิบัติตามสับสน และเสี่ยงต่อการทำผิด ที่มีอัตราโทษที่รุนแรง
บวกกับอีกเหตุผลหนึ่งก็คือการที่ทางรัฐบาลเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันบนฝั่ง แต่ไม่ได้ช่วยอุดหนุนน้ำมันเขียวในทะเลด้วย จึงทำให้น้ำมันเขียวแพงกว่าน้ำมันฝั่งที่รัฐอุดหนุน และจ๊อบเบอร์เอามาขายถูกว่าน้ำมันเขียวลิตรละ 1-3 บาท เป็นเหตุให้เรือประมงไม่ไปเติมน้ำมันเขียว ก็เป็นเหตุให้โครงการน้ำมันเขียวเดินต่อไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลสนใจแต่เรื่องรถบรรทุก แต่ไม่เคยเหลียวแลชาวประมงเลย
ดังนั้นสมาคมผู้ค้าน้ำมันในเขตต่อเนื่องจึงเรียนแจ้ง มายังสมาคมเพื่อให้แจ้งไปยังชาวประมงว่า เรือแม่ที่เข้าไปโหลดน้ำมันจะหยุดไม่โหลด ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป แต่ในเรือสถานีบริการในทะเลจะยังเหลือที่จะบริการให้ชาวประมง ได้ถึงสิ้นอาทิตย์ ซึ่งตรงกับวันที่ 15 พฤษภาคม นี้เท่านั้นแล้วก็หมดกัน ดังนั้นจึงขอให้ช่วยชี้แจ้งชาวประมงด้วย ว่าพวกเราไม่ได้ทิ้งชาวประมง และยังห่วงชาวประมง เพราะเราก็เป็นชาวประมงที่ต้องรับผลกระทบจากรัฐบาลเช่นเดียวกัน แต่เพราะมันสุดทางแล้วจริงๆ จะไปซ้ายก็ผิดกฎหมาย จะไปขวาก็ผิดกฎหมาย
นายมงคล กล่าวว่า นี่แหละจากการที่หน่วยงานราชการไม่มีการมาปรึกษาหารือ ได้แต่ออกกฎหมายบังคับสุดท้ายทำให้ชาวบ้าน ชาวประมงเดือดร้อน ท้ายที่สุดเรือบริษัทน้ำมันยังเดือดร้อนก็ต้องหยุดกิจการ ปัญหาก็ไม่ต่างจากชาวประมงที่หยุดกิจการไม่รู้บริบท ก็ได้แต่เอาเจ้าหน้าที่รัฐมาไล่ล่า ไล่จับ ไม่จบสิ้น ลามกระทบเรือประมงโดยปริยายที่จะทำให้จอดเรือทั้งประเทศ