นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสัมมาชีพและผลิตภัณฑ์เพื่อการพัฒนาพฤตินิสัย (สมภพ.) กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า
เพื่อมอบนโยบายและหารือแนวทางการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 2 แห่ง รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะและข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม
ขณะเดียวกันยังเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้กับกลุ่มผู้พักโทษและผู้พ้นโทษได้กลับคืนสู่สังคม และยังเป็นการคืนแรงงานกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน และลดอัตราการกระทำผิดซ้ำอีกด้วย
ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมมีความต้องการแรงงานจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งแรงงานในตลาดอาจไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 (covid-19) ซึ่งประเทศไทยขาดแคลนแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับแรงงานผู้พ้นโทษต่อปีมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนในวัยแรงงาน มีสุขภาพแข็งแรง
และได้รับการฝึกทักษะที่เหมาะสมกับการปฏิบัติงานในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งการเปิดโอกาสให้ผู้พ้นโทษเข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรม จะทำให้ผู้พ้นโทษเหล่านี้มีงานทำ มีอาชีพ มีรายได้ ไม่กลับไปก่ออาชญากรรมซ้ำอีก
เป็นการลดปัญหาอาชญากรรมในชุมชนและสังคม รวมถึงมีส่วนช่วยให้คนกลุ่มนี้กลับมาเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศต่อไป
สำหรับผู้พ้นโทษที่จะปฏิบัติงานในโรงงานนั้น ควรได้รับการฝึกทักษะในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การทำงานกับเครื่องจักร การทำบัญชีเบื้องต้น โดยทางโรงงานต่างๆ จะเป็นผู้กำหนดว่าตำแหน่งไหนควรได้รับการฝึกทักษะอะไรบ้าง ซึ่งอาจดำเนินการฝึกอบรมตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ ทำให้เมื่อพ้นโทษออกมาหรือเมื่อรับการฝึกอบรมเสร็จแล้วสามารถเข้าปฏิบัติงานในนิคมฯ ได้ทันที
ขณะที่การปรับตัวนั้น การปรับตัวในนิคมอุตสาหกรรมน่าจะทำได้ง่ายกว่าในสังคมปกติ เนื่องจากมีระบบ ระเบียบ มีการทำงานเป็นเวลา ซึ่งคล้ายกับการฝึกระเบียบวินัยในเรือนจำอยู่บ้าง ดังนั้น ถ้าหากปรับตัวได้ มีความอดทนกับการทำงาน และมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ก็จะมีโอกาสในการเลื่อนขั้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น มีรายได้มากขึ้น และมีหน้าที่การงานที่มั่นคง สามารถเลี้ยงชีพได้อย่างยั่งยืน
นางสาวนันทรัศมิ์ เทพดลไชย ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ สมภพ. กล่าวว่า สำหรับผู้พักโทษที่จะเข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมแต่ละแห่งนั้น จะมีคณะกรรมการดูแลควบคุมผู้พักโทษ
และมีการติดกำไล EM (อุปกรณ์ใช้สำหรับตรวจสอบ หรือจำกัดการเดินทางของบุคคลในการปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งมีลักษณะคล้ายนาฬิกา หรือสายรัดข้อเท้า โดยมีตัวอุปกรณ์ส่งรับสัญญาณ เพื่อให้ศูนย์ควบคุมสามารถติดตามตัวได้)
อย่างไรก็ดี สมภพ.จะบริหารจัดการเพียงในเชิงเทคนิค แต่สิ่งสำคัญคือ ยิ่งให้โอกาสมากเท่าไหร่ การกระทำผิดซ้ำก็จะลดลงทันที เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อได้รับความเชื่อมั่น ได้รับการยอมรับ และมีผู้เห็นคุณค่า ก็จะส่งผลต่อพฤติกรรมทันที ทำให้คนเหล่านั้นได้รับโอกาสในสังคม
ส่วนกรณีที่กังวลว่าผู้พักโทษอาจมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต เนื่องจากต้องอยู่ภายในเรือนจำเป็นเวลานานนั้น กรมราชทัณฑ์จะมีการทำแบบทดสอบทั้งก่อนและหลังออกจากเรือนจำ ขณะเดียวกันในระยะแรก จะส่งจิตแพทย์คอยดูแลเพื่อให้ผู้พักโทษสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมได้ด้วย