"กรมขนส่ง" ผุด "คูปองส่วนลดดีเซล" 2 บาทต่อลิตร อุ้มภาคขนส่ง

นายจิรุฒม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้ประกอบการขนส่งที่แบกรับต้นทุนค่าขนส่งไม่ไหว จากราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ว่า กรณีที่ผู้ประกอบการขนส่งขอปรับขึ้นค่าโดยสารนั้น กรมฯจะเสนอต่อคณะกรรมการขนส่งทางบกกลางพิจารณาภายในเดือนมิ.ย.นี้ เนื่องจากเป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ เป็นผู้พิจารณา ซึ่งกรมฯไม่สามารถพิจารณาแทนได้

ขณะเดียวกันกรมฯมีมาตรการลดค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยผู้ประกอบการขนส่ง เช่น การใช้บัตรคูปองส่วนลดค่าน้ำมันดีเซล 2 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน โดยจะใช้งบประมาณ 3,300 ล้านบาทหรือเฉลี่ย 1,100 ล้านบาทต่อเดือน

โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมรถทั้ง 3 ประเภท ประกอบด้วย รถโดยสารประจำทางและไม่ประจำประทาง (รถ30) รวมทั้งรถบรรทุกไม่ประจำทาง ซึ่งกรมอยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อประสานงานกับกระทรวงคลังและกระทรวงพลังงานพิจารณาเห็นชอบเรื่องดังกล่าวต่อไป

นายจิรุฒม์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรมฯจะประสานกับบขส.เพื่อพิจารณาหารปรับลดค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) เพื่อลดต้นทุนในการเดินรถในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง รวมทั้งจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ต้องการประสงค์ให้แจ้งหยุดใช้รถชั่วคราว โดยจะระงับการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี เพื่อนำป้ายทะเบียนรถออกชั่วคราว หากมีความพร้อมที่จะกลับมาให้บริการก็สามารถมาขอป้ายทะเบียนรถที่พักใช้ชั่วคราวได้

ทั้งนี้กรมฯได้เตรียมประสานสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ในการปรับลดค่าประกันภัยเป็นค่าประกันแบบรายบุคคล ในกรณีที่ผู้โดยสารเดินทางลดลง จากเดิมที่มีการใช้ค่าประกันภัย 1 คัน ต่อ1ปี

นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์โดยสาร เจ้าของอู่รถเชิดชัยและบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด กล่าวว่า ตนมายื่นหนังสือถึงนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง และผู้ประกอบการรถยนต์โดยสารไม่ได้ปรับอัตราค่าโดยสารมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันใช้ฐานราคาค่าโดยสารอิงจากราคาน้ำมัน 27.79 บาท ตั้งแต่ปี 2562

ทั้งนี้สมาคมฯ จึงเข้ายื่นหนังสือเพื่อขอปรับอัตราค่าโดยสารอิงตามราคาน้ำมันปัจจุบัน ณ 11 พ.ค.2565 ราคาอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นทุกวันหลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกตรึงราคคาน้ำมันดีเซล ด้วยเหตุนี้สมาคมฯ จึงขอปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นกิโลเมตรละ 1 สตางค์ต่อน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อ 1 ลิตร ดังนั้นจากฐานราคา 27.79 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันต่างกันราว 5 บาท ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารควรจะได้ปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5 สตางค์ต่อลิตร นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังต้องการให้ภาครัฐพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านอื่นๆ อาทิ ค่าธรรมเนียมเที่ยววิ่ง (ค่าขา) และค่าธรรมเนียมประเภทอื่นที่ต้องจ่ายให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการแบกต้นทุนน้ำมันที่สูงคิดเป็น 60% ของค่าโดยสารแล้ว อีกทั้งยังมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางลดลง ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องปิดกิจการ

“ปัจจุบันน้ำมันเป็นต้นทุนหลัก 60% ของค่าโดยสาร รถโดยสารวิ่งให้บริการ 1 คัน ถ้าจะให้ได้ต้นทุนต้องมีผู้โดยสาร 16 ที่นั่ง และถ้าเกินนั้นก็จะมีรายได้บ้าง เพื่อมาจ่ายต้นทุนอื่นๆ เช่น ค่ายาง แต่หากภาครัฐไม่ช่วยเหลือเราในส่วนนี้ ทางออกตอนนี้ของเจ๊เกียวก็ยังมีทางออกขายกิจการ ส่วนสมาชิกตอนนี้ก็สู้น้ำมันไม่ไหว ล้มหายตายจากไปเยอะ แต่จะหยุดวิ่งไหมมันก็มีกฎระเบียบข้อบังคับอยู่ คงก็ต้องปฏิบัติตาม”

นายสุจินดา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ขอดูเหตุและผลก่อน ภาครัฐต้องมีเหตุและผลเพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ เพราะคนที่มีรายได้น้อยใช้รถโดยสาร จะใช้งานยังไง หากว่าผู้ประกอบการล้มหายตายจากกันไปหมด ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวและอาจเป็นผลกระทบต่อประชาชนนั้น ตนเชื่อว่าถึงเวลาที่ภาครัฐต้องเข้ามาช่วยเหลือ หามาตรการมาช่วย เพื่อให้ทุกทางออกมันสำเร็จได้ เช่น ภาครัฐควรช่วยน้ำมันให้ถูกลง ปรับราคาค่าโดยสารให้ หรือลดค่าธรรมเนียมต้องจ่ายให้ บขส.

นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย กล่าวว่า ทางสมาคมฯพร้อมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง ได้ยื่นข้อเสนอให้กรมการขนส่งทางบกพิจารณาทบทวน การนำประกาศกรมการขนส่งทางบกตามมติคณะกรรมการกรมการขนส่งทางบกกลางเมื่อปี 2555 ที่ประกาศใช้โครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซล เพื่อใช้พิจารณาปรับขึ้นหรือลดอัตราค่าโดยสาร โดยกำหนดว่าหากราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นถึง 1.12 บาทลิตร จะมีการปรับค่าโดยสารขึ้น 1สตางค์ต่อกิโลเมตร

ทั้งนี้อัตราค่าโดยสารที่กรมการขนส่งทางบกประกาศใช้อยู่ในปัจจุบัน(ประกาศตั้งแต่วันที่ 22เม ย.62) คือ 53 สตางค์กิโลเมตรต่อคน ซึ่งราคาน้ำมันดีเซล ณ วันที่ปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ลิตรละ 27.79บาท ขณะที่ ณ วันนี้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 31.94 บาท ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าราคาน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะถึง 40 บาท ลิตรในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง แบกรับภาระต้นทุนที่สูงเกินจริงมาอย่างต่อเนื่องจึงขอเพียงให้ใช้ประกาศโครงสร้างต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวก่อนผู้ประกอบการจะไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เนื่องจากไม่ได้มีการนำประกาศดังกล่าวมาใช้ในโครงสร้างค่าโดยสารอย่างจริงจัง