"ระยอง"รวมพลทวง"เยียวยา"น้ำมันรั่ว กระทุ้งSPRC"ตกหล่น-ไม่เป็นธรรม"

วันที่ 16 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. มีกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบน้ำมันรั่วกลางทะเล ระยอง นำโดยนายบุญมั่น สมุทรคีรี ผู้ประกอบการร้านค้าชายหาดสวนสน  นางสริญทิพญ ทัพมงคลทรัพย์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเกาะเสม็ด นายสำราญ รุ่งโรจน์ ผู้ประกอบการร้านอาหาร นางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมการเที่ยวจังหวัดระยอง และพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท สตาร์ปิโตรเลี่ยม รีไฟน์นิ่ง จำกัด มหาชน (SPRC) รั่วไหลลงทะเล กว่า 100 คน ได้มารวมตัวกันบริเวณ ชายหาดสวนสน 

โดยเปิดเวทีชาวบ้านให้แสดงความคิดเห็น รับลงทะเบียนผู้ที่เดือดร้อนไม่ได้รับการเยียวยา หรือสัญญาไม่เป็นธรรม รวมทั้งมีการปิดป้ายริมชายหาด และด้านข้างรถสามล้อพ่วงจำนวนหลายคัน มีข้อความต่อว่าบริษัทฯ เรื่องการเยียวยาที่ล่าช้า และไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยแกนนำและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสายอาชีพต่าง ๆ ผลัดกันขึ้นปราศรัย ท่ามกลางการสอดส่องดูแลจากเจ้าหน้าที่ ที่กำชับให้เวทีเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

นางรุ่งทิวา พึ่งพวก อายุ 55 ปี ประธานชมรมค้าขายรถพ่วงสวนสน กล่าวว่า กลุ่มผู้ค้าขายที่ชายหาดสวนสนที่เดือดร้อนโดยตรง แต่ยังไม่ได้รับการเยียวยาที่เป็นธรรม ทั้ง ๆ ที่ผ่านมา 5 เดือนแล้ว แต่ทางบริษัทฯ กลับเมินเฉยต่อข้อเสนอ ผิดกับเมื่อครั้งที่น้ำมันรั่วเมื่อปี 2556 ที่มีการจ่ายให้อย่างเป็นธรรม ทั่วถึง รวดเร็ว แต่ครั้งนี้กลับปล่อยเนิ่นนาน อีกทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสัตว์ทะเล ก็ยังไม่มีความมั่นใจถึงความปลอดภัย อยากให้ฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียหายไปด้วย 

นางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมการเที่ยวจังหวัดระยอง กล่าวว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วของ SPRC ไม่ได้กระทบและเดือดร้อนเพียงแค่ในพื้นที่ที่ทางบริษัทฯกำหนด แต่ยังมีพื้นที่อื่น ๆ ที่อยู่ติดทะเลอีกหลายหาด เช่น แหลมแม่พิมพ์ก็กระทบ แต่กลับตกหล่นไม่ได้รับการเยียวยา เพราะเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวต่างได้รับผลกระทบเป็นวงรอบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของผู้ประกอบการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ แต่ทาง SPRC กลับขีดวงที่จะจ่ายเยียวยาเอง ไม่ยึดจากข้อเท็จจริง 

ด้านนายสำราญ รุ่งโรจน์ ผู้ประกอบการร้านอาหาร บอกว่า ในข้อสัญญาที่ทาง SPRC ให้กับกลุ่มผู้ได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว มีข้อผูกมัดอยู่หลายข้อที่ตนมองว่าไม่เป็นธรรม รวมถึงการห้ามนำข้อความในสัญญาออกเผยแพร่ จึงเห็นว่าไม่ยุติธรรมกับประชาชน ที่ไม่ใช่ผู้ก่อปัญหาแต่เป็นผู้ได้รับผลกระทบ ที่สมควรได้รับการเยียวยาอย่างยุติธรรม