นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะเป็นรูปแบบไหน และอาจทำแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ไม่ใช่เป็นการทั่วไป เหมือนในครั้งก่อน ๆ ที่รัฐบาบทำคนละครึ่งออกมาแบบวงกว้าง
“ตอนนี้ กำลังพิจารณาดูอยู่ว่า ถ้าเศรษฐกิจไปได้ การสร้างรายได้จากการเปิดประเทศ การส่งออกไปได้ อาจจะต้องดูว่า กลุ่มไหน ซึ่งกำลังประเมินอยู่ อาจจะดูเกณฑ์รายได้ เกณฑ์จังหวัด เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้วยังไม่ดีขึ้น”
รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากการดำเนินการโครงการคนละครึ่งเฟสใหม่ออกมาได้ อาจจะมุ่งเป้าในบางจุดมากขึ้น เข่น กลุ่มคนบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าราคาแพง แต่ตอนนี้กำลังพิจารณา
ก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ขณะนี้แผนต่าง ๆ กระทรวงการคลัง กำลังอยู่ระหว่างการประเมินและจะผลักดันออกมาในช่วงจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งยืนยันว่า ตอนนี้ยังมีเงินกู้เหลืออยู่เพียงพอ ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยจะพิจารณาจังหวะที่เหมาะสม เช่น สถานการณ์ในยุโรปยืดเยื้อหรือรุนแรง ก็จำเป็นต้องกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คนละครึ่งเฟส 5 ที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะให้บางกลุ่มแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ก็ต้องไปดูว่า ใครได้รับผลกระทบในเรื่องใด หากกระทบในด้านพลังงานก็มีมาตรการด้านพลังงาน เพราะคนละครึ่งเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งคนที่มีรายได้น้อย รายได้มาก มีสิทธิหมด เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายบริโภคมากขึ้น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ตอนนี้ต้องติดตามและประเมินตัวเลขสถานการณ์เศรษฐกิจ การใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภค ซึ่งจากข้อมูลไตรมาสแรกปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 3.9% ถือว่าใช้ได้ ดังนั้นในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เศรษฐกิจกลับมาทำงานได้ จึงต้องพิจารณาถึงความจำเป็นว่า คนละครึ่งเฟส 5 จะทำต่อหรือไม่
“ต้องค่อย ๆ เฟดเอาต์ เพราะถ้าเศรษฐกิจดี คนมีรายได้มากขึ้น ความจำเป็นที่จะเข้าไปสนับสนุนคนละครึ่งอาจจะน้อยลงไป อาจจะต้องถอยออมา โดยที่ผ่านมาโครงการคนละครึ่ง ได้ให้แบบทั่วไป 30 ล้านคน ลงทะเบียนใช้สิทธิกันจริง ๆ ประมาณ 29 ล้านคน ส่วนเงินที่เหลือคงไม่มาก ไม่พอเอามาทำโครงการคนละครึ่งเฟส 5 เพราะเฟสหนึ่งใช้เงินมาก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุ
สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อสิ้นเดือนเมษายน 2565 พบว่า มีผู้ใช้สิทธิทั้งหมด 26.27 ล้านราย มียอดการใช้จ่ายรวม 61,835.1 ล้านบาท แบ่งเป็น