น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทดแทนเครื่องที่ 8-9 ซึ่งจะถูกปลดออกจากระบบไฟฟ้าในปี 2565 และปี 2568
โดยมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 600 เมกะวัตต์ พร้อมระบบส่งไฟฟ้า วงเงินโครงการรวม 47,470 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ
ทั้งนี้ วงเงินโครงการให้ใช้งบประมาณจากแหล่งรายได้ของ กฟผ. เป็นอันดับแรก หากจำเป็นต้องใช้เงินกู้ กระทรวงการคลังจะจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ตามความเหมาะสม โดยกระทรวงการคลังจะไม่ค้ำประกัน
สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8-9 ตั้งอยู่ภายในโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ใช้พื้นที่ก่อสร้างประมาณ 145 ไร่ ซึ่งอยู่ในขอบเขตพื้นที่ของ กฟผ. ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2593 มีระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 48 เดือน
โรงไฟฟ้าแห่งนี้ มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และมีประสิทธิภาพเฉลี่ยตลอดอายุการเดินเครื่อง 25 ปี
สำหรับโครงการจะไม่กระทบต่อเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2070 ของรัฐบาล เนื่องจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น เครื่องผลิตไอน้ำแรงดันเหนือวิกฤต (Ultra – Supercritical) สามารถผลิตไอน้ำได้ดีขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้มากขึ้น ทำให้ปริมาณการใช้ถ่านหินลดลงและมีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการติดตั้งระบบควบคุมการปล่อยมลพิษทางอากาศจากโรงไฟฟ้าให้อยู่ในค่ามาตรฐาน ได้แก่ ระบบดักจับฝุ่นและขี้เถ้าลอย (TSP) ระบบกำจัดซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และระบบควบคุมก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX)
ทั้งนี้ โครงการมีความคุ้มค่าในการลงทุนและให้ผลตอบแทนการลงทุน ในอัตราที่เหมาะสมในราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยที่ไม่สูงกว่าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่ใช้ถ่านลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิง โดยมีผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์และการเงิน ดังนี้