นายวัฒนา โชคสุวณิช กรรมการคณะกรรมการการท่องเที่ยวคุณภาพสูง หอการค้าไทย และนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญไทย จัดสัมมนาออนไลน์ เรื่อง การท่องเที่ยวเรือสำราญโอกาสและความพร้อมของไทยในมุมมองผู้ประกอบการเรือสำราญนานาชาติ
โดยเชิญผู้มีประสบการณ์จริงในธุรกิจเรือสำราญที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ มาแชร์ความคิดเห็นในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเรือสำราญที่สำคัญของเอเชีย
“การสัมมนาในวันนี้ จึงเป็นโอกาสที่จะมาแลกเปลี่ยนความเห็นถึงความพร้อมและโอกาส ของประเทศไทย ในการขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของเอเชีย อาทิ การพัฒนาท่าเรือต้นทาง (Home Port) การเลือกที่ตั้งของท่าเรือต้นทาง การกำหนดขนาดของท่าเรือและอาคารผู้โดยสาร
ซึ่งเมืองท่าต้นทางต้องมีอัตลักษณ์มีความโดดเด่น สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด และต้องการผู้ที่มีความรู้จริง มีประสบการณ์ในการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญมาอย่างมากมายเพื่อให้ท่าเรือสำราญของไทยสามารถรองรับเรือสำราญทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างน้อยอีก 10-20 ปี” นายวัฒนา กล่าว
สำหรับการท่องเที่ยวเรือสำราญในประเทศไทย นั้น จังหวัดภูเก็ตมีเรือสำราญเข้ามาท่องเที่ยวกว่า 200 เที่ยวเรือ ในปี 2561 เป็นลำดับที่ 7 ในขณะที่ภูเก็ตยังไม่มีท่าเทียบเรือสำราญและอาคารผู้โดยสารที่ได้มาตรฐานเลยก็ตาม ดังนั้นการสร้างท่าเรือสำราญที่พัทยาจะทำให้การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพได้อย่างรวดเร็วและได้สะดวกมากยิ่งขึ้น จากรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากโครงสร้างพื้นฐานด้าน การขนส่งที่รัฐบาลได้วางเอาไว้แล้ว ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 3 ของประเทศที่มีเรือสำราญเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดของเอเชีย
ทำให้เห็นได้ว่าเมืองท่าเรือสำราญของไทยได้รับความสนใจและการยอมรับจากสายเรือสำราญอยู่แล้ว การสร้างความร่วมมือกับสายการเดินเรือสำราญในการพัฒนาเมืองท่าเรือสำราญจะทำให้ ประเทศไทยสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมากยิ่งขึ้น นำรายได้จากการท่องเที่ยวที่ได้จากปริมาณและคุณภาพของนักท่องเที่ยวเรือสำราญ บรรลุเป้าหมายในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2561-2580 ได้อย่างเป็นจริง
ดังนั้น คาดว่าการจัดสัมมนาในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน นำข้อมูลที่ได้รับไปวิเคราะห์ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญของเอเชีย ให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้นี้