1 มิ.ย.65 ประชาชนคนไทยเตรียมใจรับมือกับราคาสินค้าแพงทั้งอุปโภคบริโภคที่จะดาหน้าปรับขึ้นราคาแทบจะยกแผง “แพงทั้งแผ่นดิน” ทั้งของใช้ในครัวเรือน ของใช้ส่วนตัว ซึ่งสาเหตุหลักๆที่ผู้ผลิตต้องปรับราคา เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่างๆ ทั้งการขนส่ง บรรจุภัณฑ์ วัตถุดิบ ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาพลังงาน จนไม่สามารถตรึงราคาได้ตามที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือไว้ได้ใน 18 หมวดสินค้าห้ามขึ้นราคา
แม้ว่ากรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จะออกมาขู่หากผู้ผลิตรายใดปรับขึ้นราคาจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับแต่ก็คงทำได้เพียงแค่ขู่เพราะสุดท้ายผู้ผลิตก็ต้องปรับราคาเพราะแบกรับต้นทุนไว้ไม่ไหวและภาครัฐเองก็แทบจะไม่มีมาตรการใดๆออกมาช่วยเหลือ สุดท้ายแล้วภาระทั้งหมดก็จะตกมาถึงมือผู้บริโภคที่ต้องซื้อสินค้าที่แพงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฐานเศรษฐกิจ”ได้รวบรวมสินค้าที่ปรับราคาขึ้นไปแล้ว กำลังจะปรับและจ่อจะปรับในอนาคตมาพอสังเขป ดังนี้
สินค้าปรับขึ้นราคา
มกราคม 2565
- น้ำมันปาล์มปรับราคาขึ้นขวด (ลิตร) ละ 5 บาท จากราคา 55 บาท เป็น 60 บาท
- หมูเนื้อแดง แม้ว่าราคาจะลงมาเหลือกิโลร้อยกว่าบาทแต่ช่วงมกราคมราคาสูงถึงกิโลละ250-300บาท
- ไข่ไก่ แม้ว่าจะมีการตรึงราคาไว้ที่ฟองละ3.20บาท แต่ราคาไข่ไก่ปัจจุบันเฉลี่ยฟองละ3.5บาทหรือปรับไปแล้ว9บาทต่อแผง
- ก๊าซหุงต้ม จากเดิม318บาทต่อถึง15กิโลกรัม คาดว่าในเดือนเมษายนจะปรับราคาขึ้นมาถังละ15บาทและในวันที่1มิ.ย.นี้จะปรับขึ้นมาอีก15บาทต่อถังนั้นหมายความว่าราคาก๊าชหุงต้มจะอยู่ที่363บาทต่อถัง15กก.
กุมภาพันธ์ 2565
- ราคาน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาลืมขวดยังคงปรับราคาขึ้น โดยจาก60บาท เป็น70บาทต่อขวด1ลิตร
- เครื่องดื่มประเภทเหล้าและเบียร์ ขอขึ้น 20-30 บาทต่อลัง (12 ขวด) บางยี่ห้อขึ้นขวดละ 5 บาท
- เบียร์จากขวดละ 65 บาท เป็น 70 บาท
- เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อยอดนิยมขอปรับ 2 บาทต่อขวด หรือ ปรับจาก 10 บาท เป็น 12 บาท หรือปรับขึ้นถึง 20% เริ่มตั้งแต่ 1 มีนาคมนี้
ส่วนสินค้าที่วัดดัชนีความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทั้ง "มาม่า" ที่มีการปรับราคาขายส่งซองละ10บาท ตามด้วย "ไวไว" และ"ยำยำ" ที่ขอปรับราคาตามในวันที่1 มิ.ย.นี้เช่นกันซึ่งผู้ผลิตแจ้งว่าเป็นการปรับราคากับร้านค้าส่งร้านค้าปลีกเท่านั้น ผู้บริโภคยังคงซื้อในราคาเท่าเดิม
ส่วนเครื่องดื่มน้ำอัดลม อย่าง "เป๊ปซี่" ที่ล่าสุดออกมาประกาศว่าจะปรับราคาทุกทุกแพ็คเกจจิ้ง 1-2 บาทอาจจะต้องชะลอออกไปก่อนเพราะล่าสุดกรมการค้าภายในออกมาประกาศว่าห้ามขึ้นราคา ซึ่งสุดท้ายแล้วทางเป๊ปซี่ออกมาบอกว่าจะปรับราคาอีกครั้งในวันที่1 ก.ค.ก็ต้องติมตามดูว่าท้ายที่สุดแล้วกรมการค้าภายใสนจะออกมาขู่ห้ามขึ้นราคาอีกหรือไม แต่ที่แน่ๆราคาขายส่งไปยังร้านค้าส่งและร้านค้าปลีกปรับขึ้นล่วงหน้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามเจ้าของร้านค้าปลีกหรือร้านโชวห่วยแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่30 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ราคาสินค้าจากร้านค้าส่งปรับขึ้นไปหลายรายการ ดังนั้นเมื่อซื้อมาขายต่อการขายในราคาเท่าเดิมก็อาจจะทำให้แทบจะไม่ได้กำไรอะไร จึงจำเป็นต้องขายราคาใหม่ สอดคล้องกับร้านค้าส่งรายใหญ่ ย่านมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่31 พ.ค. 65 ที่ระบุว่าวันที่1 มิ.ย.ราคาสินค้าปรับขึ้นเยอะมาก ทั้ง เนสกาแฟ ครีมเทียม กาแฟกระป๋อง นม เป็นต้นต่างปรับราคาขึ้น แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะบอกว่าห้ามปรับ แต่เมื่อมาถึงมือผู้ค้าส่งราคามันถูกปรับไปตั้งแต่ต้นทางแล้ว จะไม่ซื้อก็ไม่มีของขาย ซึ่งเดือfร้อนทั้งร้านค้าส่งค้าปลีกรวมถึงผู้บริโภคด้วย
รายการสินค้าที่ปรับขึ้นราคาล่าสุด 1 มิ.ย. 2565
- เนสกาแฟ ราคาเดิม 185 บาท (60 ซอง) ราคาใหม่ 195 บาท (60ซอง)
- ราคาเดิม 300 บาท (100 ซอง) ราคาใหม่ 310 บาท (100 ซอง)
- เบอร์ดี้ ราคาเดิม 90 บาท(27 ซอง) ราคาใหม่ 100 บาท (27 ซอง)
- ราคาเดิม 185 บาท (60 ซอง) ราคาใหม่ 195 บาท (60ซอง)
- มอคโคน่า ราคาเดิม 95 บาท (27 ซอง)ราคาใหม่ 105 บาท (27 ซอง)
- ราคาเดิม 185 บาท (60 ซอง) ราคาใหม่ 195 บาท (60 ซอง)
- เบอร์ดี้ กาแฟพร้อมดื่ม ราคาเดิม 15 บาท/กระป๋อง ราคาใหม่ 17 บาท/กระป๋อง
ข้าวสาร
- ยี่ห้อ ชมพู่ม่วง ราคาเดิม 95 บาท/ถุง (5 ก.ก.) ราคาใหม่ 105 บาท/ถุง (5 ก.ก.)
- ยี้ห้อชมพู่หยก ราคาเดิม 139 บาท/ถุง (5 ก.ก.) ราคาใหม่ 149 บาท/ถุง (5ก.ก.)
- ราคาเดิม 390 บาท/ถัง (15 ก.ก.)ราคาใหม่ 405 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
- ยี้ห้อชมพู่ฟ้า ราคาเดิม 165 บาท/ถุง (5 ก.ก.) ราคาใหม่ 175 บาท/ถุง (5 ก.ก.)
- ราคาเดิม 460 บาท/ถัง (15 ก.ก.) ราคาใหม่ 480 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
- ยี้ห้อชมพู่เพชร ราคาเดิม 175 บาท/ถุง (5 ก.ก.) ราคาใหม่ 185 บาท/ถุง (5 ก.ก.)
- ราคาเดิม 475 บาท/ถัง (15 ก.ก.) ราคาใหม่ 495 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
- ยี้ห้อชมพู่แดง ราคาเดิม 240 บาท/ถัง (15 ก.ก.) ราคาใหม่ 265 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
- ยี้ห้อส้มโอ ราคาเดิม 175 บาท/ถุง (5 ก.ก.) ราคาใหม่ 185 บาท/ถุง (5 ก.ก.)
- ราคาเดิม 490 บาท/ถัง (15 ก.ก.) ราคาใหม่ 510 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
- ยี้ห้อลำใย ราคาเดิม 105 บาท/ถุง (5ก.ก.)ราคาใหม่ 115 บาท/ถุง (5 ก.ก.)
- ราคาเดิม 295 บาท/ถัง (15 ก.ก.) ราคาใหม่ 315 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
- ยี้ห้อไก่แจ้ส้มราคาเดิม 90 บาท/ถุง (5 ก.ก.) ราคาใหม่ 100 บาท/ถุง (5 ก.ก.)
- ราคาเดิม 260 บาท/ถัง (15 ก.ก.) ราคาใหม่ 280 บาท/ถัง (15 ก.ก.)
น้ำมันพืช
- ตราองุ่น ราคาเดิม 69 บาท/ขวด ราคาใหม่ 72 บาท/ขวด
- ตรามรกต ราคาเดิม 67 บาท/ขวด ราคาใหม่ 76 บาท/ขวด
- ตราทับทิมราคาเดิม 65 บาท/ขวดราคาใหม่ 69 บาท/ขวด
- ตราหยก ราคาเดิม 65 บาท/ขวดราคาใหม่ 69 บาท/ขวด
- เป๊ปซี่ ปรับราคาขึ้นทุกขนาดอย่างละ 2 บาท/ขวด/กระป๋อง
- ครีมเทียม ปรับราคาขึ้น 4-5 บาท/500 กรัม/1,000 กรัม
- เครื่องปรุงรส (ผง)ปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 1 บาท/ซอง
- เครื่องปรุงรส (ขวด)ปรับราคาขึ้นตั้งแต่ 2-5 บาท/ขวด
- น้ำหวานเข้มข้น ปรับราคาขึ้นตั้งแต่ 3-6 บาท/ขวด
สินค้าที่ประกาศปรับราคาขึ้นล่วงหน้า มีผล 1 มิ.ย. 2565
- น้ำยาปรับผ้านุ่มขนาด 550-600 มล. ปรับราคา 2-3 บาท จากปกติ 15-18 บาทเป็น 18-20 บาท
- กระดาษชำระ (แพค 6 ม้วน) จากราคา 69 บาท เป็น 72 บาท
- ซอสหอยนางรม ขวดใหญ่ (800 กรัม) จากปกติ 37 บาท ปรับเป็น 42 บาท
- น้ำยาล้างจาน ชนิดเติม จาก 38 บาท ปรับขึ้นเป็น 40 บาท
- ปลากระป๋อง ปรับขึ้นจาก 10 บาท เป็น 12-14 บาท
- นมถั่วเหลืองขวด ปรับราคาขึ้นจาก 12 บาทเป็น 15 บาท
- สบู่ก้อน ปรับราคาขึ้นจาก 10-15 บาทเป็น 12-15 บาท
- แชมพู-ครีมนวด ยังไม่มีการปรับราคาขึ้น
- น้ำผลไม้แพค 4 ปรับราคาขึ้นจาก 36 บาทเป็น 42 บาท
คงต้องติดตามดูว่าท้ายที่สุดแล้วกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานปลายทางที่กำกับดูแลราคาสินค้าจะออกมาตรการอะไรช่วยเหลือทั้งผู้ผลิต ร้านค้าส่ง ร้านค้าปลีก และผู้บริโภค มากกว่าการออกมาบอกภาคเอกชนว่าขอความร่วมมือตรึงราคาและจัดงานอีเว้นอย่างโครงการธงฟ้าราคาประหยัด หรือพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ตามนโนบายประชานิยมของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์