นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯโดยกรมวิชาการเกษตรจะแจกต้นกัญชาให้ประชาชนที่สนใจครัวเรือนละ 2 ต้น ตามเป้าหมาย 1 ล้านต้นของรัฐบาลหรือประมาณ 500,000 ครัวเรือน ภายหลังการปลดล็อกวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ให้กัญชา กัญชง และกระท่อม ไม่เป็นพืชในบัญชียาเสพติดอีกต่อไป ทั้งนี้สามารถลงทะเบียนแจ้งความจำนงได้ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.65 เป็นต้นไป ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร(ศวพ.)ของกรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศซึ่งมีอยู่ 53 จังหวัด กรณีจังหวัดใดไม่มีศวพ.ให้ลงทะเบียนได้ที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนั้นๆหรือผ่านระบบออนไลน์
" จะแจกให้ครัวเรือนละ 2 ต้น ทั้งหมดเป็นสายพันธุ์ไทย พันธุ์ที่แจกหลักๆคือ พันธุ์อิสระ 01 ซึ่งพัฒนาพันธุ์โดยกรมการแพทย์ กรมวิชาการเกษตร และมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นพันธุ์รับรองเมื่อ 29 ม.ค.64 นอกจากนั้นจะมีกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ในโครงการนี้ด้วย ซึ่งต้องบอกว่าสายพันธุ์ของไทยไม่เป็นรองใคร มีสายพันธุ์ไทย ต่างๆ ที่เหมาะสมกับภูมิประเทศ"
เช่น สายพันธ์หางกระรอก ตะนาวศรี หางเสือ ภูพาน ที่พี่น้องประชาชนหาเมล็ดมาปลูกได้ หากจับจองใน 1 ล้านต้นไม่ทัน อีกทั้งขณะนี้มีผู้มาขอขึ้นทะเบียนพันธุ์กัญชาอย่างต่อเนื่องฉนั้นอนาคตจะเห็นสายพันธุ์ไทยดีๆอีกมาก อย่างไรก็ตามฝากเตือนประชาชนว่า เนื่องจากขณะนี้มีเมล็ดพันธุ์ผิดกฎหมายลักลอบจำหน่ายกันแพร่หลาย เพราะฉะนั้นขอประชาชนตรวจสอบก่อนซื้อ
โดยให้พิจารณาจากใบอนุญาตของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งจะต้องติดแสดงไว้ให้ประชาชนเห็นชัดเจน ผู้ค้ารายใดไม่แสดงให้เห็น ต้องคิดไว้ก่อนว่าอาจเป็นการนำเข้าไม่ถูกต้องหรือเป็นพันธุ์ที่ยังไม่ได้รับรองจากกวก.ซื้อไปอาจไม่งอกหรือเปอร์เซ็นต์การงอกต่ำไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวางแผนแจก 1 ล้านต้นระหว่างเดือนมิ.ย.- ธ.ค. 65 โดยจะจัดแจกได้เดือนละ 1-2 แสนต้น ผู้ลงทะเบียนจะได้รับต้นกัญชาหลังลงทะเบียนประมาณ 30 วัน สาเหตุมาจากเพิ่งมีการปลดจากบัญชียาเสพติด กรมต้องเริ่มเพาะซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 21-30 วันต่อรอบการผลิต ดังนั้นแต่ละพื้นที่จะรับต้นกัญชาได้ในเวลาที่ต่างกันจนครบ 1ล้านต้น สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑลสามารถลงทะเบียนที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ 16 มิ.ย.หรือผ่านระบบออนไลน์ซึ่งกรมจะออกแบบให้ใช้ง่ายที่สุด
"กรมได้ตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จพืชกัญชา กัญชง กระท่อม ที่ตึกกสิกรรม กรมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสายด่วน (hotline) 1174. เป็นศูนย์รวมความรู้หรือตอบข้อสงสัยเป็นคู่คิดให้กับพี่น้องประชาชนในทุกด้านของพืชทั้ง 3ชนิด เพราะเรามองว่าอนาคตจะมีการพัฒนาระบบการปลูก การค้าไปอีกหลากหลายด้าน ประชาชนจะไม่ต้องไปเสียเวลาไล่ถามใคร ให้มาถามที่นี่จุดเดียวจบครบทุกเรื่อง และอนาคตจะมีการปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทุกมิติ"นายระพีภัทร์กล่าว