นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี (LPG) ขึ้นกิโลกรัม(กก.) ละ 1 บาท ส่งผลให้ก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก. ราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 378 บาท
ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 และจะทยอยปรับขึ้นอีก 15 บาทในเดือน ส.ค. ซึ่งจะทำให้ราคาขยับไปอยู่ที่ 393 บาท/ถัง 15 ก.ก. และขยับขึ้นเป็น 408 บาท/ถัง 15 ก.ก.ในเดือนก.ย.
โดยรัฐยังช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท/คน/ 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.2565
ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาแอลพีจีตามต้นทุนจริงอยู่ที่ประมาณ 460 บาท/ถัง 15 ก.ก. ซึ่ง กบง. มีกรอบเป้าหมายราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ 408 บาท/ถัง 15 กก. และหลังจากวันที่ 30 ก.ย.2565 จะมาพิจารณาสถานการณ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี กบง. ได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานจัดทำคำขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสำหรับผู้ใช้สิทธิ 4 ล้านราย รวมเงินงบประมาณ 220 ล้านบาท
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานจะทำหนังสือถึงกรมศุลกากร เพื่อขอให้มีการติดตามตรวจสอบการลักลอบจำหน่ายก๊าซหุงต้มให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มของไทยมีราคาถูกกว่า เช่น สปป.ลาว ที่มีราคาขายในประเทศสูงถึง 500 บาท
นายกุลิศ กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ประชุม กบง. ยังเห็นชอบให้ขยายมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันสูง โดยให้คงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B5 ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.2565
ในส่วนของมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ หรือเอ็นจีวี (NGV) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้ขอให้กระทรวงพลังงานขอความอนุเคราะห์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คงราคาขายปลีกเอ็นจีวีที่ 15.59 บาท/ก.ก. จากราคาจริงอยู่ที่ 21 บาท/ก.ก.
และคงราคาขายปลีกเอ็นจีวี “โครงการเอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน” ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ 13.62 บาท/ก.ก.ต่อไปอีก 3 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.-15 ก.ย.2565