นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 6/2565 ว่า วันนี้เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน กทม. ครั้งแรก โดยเริ่มการประชุมจากเรื่องนโยบายและยุทธศาสตร์ ทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี แผนปฏิบัติการ (Action Plan) 216 แผน ซึ่งได้ให้ทุกหน่วยงานนำไปปฏิบัติ ทำตัวชี้วัด รายงานความคืบหน้าของแต่ละแผนให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามได้ โดยหัวใจของการดำเนินงานคือความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละโครงการมีความคืบหน้าและปัญหาในการดำเนินงานอย่างไร สามารถเพิ่มหรือปรับรายละเอียดของโครงการได้ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกคนเข้าใจ และเดินหน้าต่อไปได้
“ส่วนเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง เป็นปัญหาใหญ่ ซึ่ง กทม. อาจจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแนวทางการจัดกิจกรรมที่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ เช่น หาพื้นที่จัดถนนคนเดินในแต่ละเขต เพื่อให้ผู้ค้าสามารถนำของมาขายได้ หรืออาจจะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละเขต เช่น หนองจอก มีนบุรี ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ก็นำสินค้าทางการเกษตรมาขายในราคาถูกให้กับประชาชน โดยเป็นการหาพื้นที่ทำการค้าให้แบบไม่คิดเงิน หรือถ้าต้องคิดค่าเช่าพื้นที่ก็คิดน้อยมาก ๆ เพื่อให้ผู้ค้ามีพื้นที่ในการขายในแต่ละช่วงตามความเหมาะสม เชื่อว่าอย่างน้อยน่าจะช่วยบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจได้บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน”
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณาจุดทำการค้าสำหรับหาบเร่แผงลอย เพื่อให้สามารถทำการค้าได้โดยไม่ไปเบียดเบียนหรือกระทบกับคนที่ใช้ทางเดินเท้า ปัจจุบันมีเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการรออนุมัติประมาณ 30 จุด หากพิจารณาแล้วพบว่าจุดไหนไม่มีผลกระทบกับคนเดินเท้า สามารถควบคุมและดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติได้ก็สามารถทำการค้าได้ อีกทั้งได้มอบหมายให้แต่ละเขตเข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือกับเอกชน ในการเปิดพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ค้าที่ถูกยกเลิกทำการค้าได้กลับมาทำการค้าในพื้นที่เอกชน
“เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองแบ่งปัน ต้องแบ่งปันพื้นที่ที่มีเหลือซึ่งกันและกัน หลายพื้นที่สามารถทำได้ดี ลดการกีดขวางทางเดิน ขณะเดียวกันต้องมีพื้นที่ที่อาหารราคาไม่แพงสำหรับประชาชน ทำมาหากินได้ มีความสะอาด และความเหมาะสมด้วย”
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ขณะที่ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กทม. ได้ดำเนินตามประกาศกระทรวงการคลัง แต่ปัจจุบัน กทม. ยังไม่สามารถเก็บภาษีได้ครบ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องฐานข้อมูลที่ยังมีไม่ครบถ้วน หากมีรายได้มากขึ้น กทม. ก็สามารถนำเงินดังกล่าวมาดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ ซึ่งจะเร่งรัดกระบวนการจัดทำฐานข้อมูลในการจัดเก็บภาษี เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับทุกคน รวมถึงเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้มากที่สุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับความคืบหน้าแนวทางปฏิบัติในพื้นที่ชุมนุมสาธารณะ กทม. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อาทิ สนับสนุนบริการทางการแพทย์ และรักษาความสะอาด ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีเหตุน่ากังวล รวมทั้งให้แต่ละเขตเสนอพื้นที่สาธารณะในการชุมนุม หรือแสดงออกทางความคิดเห็น เพราะในอนาคตอาจมีการแสดงความคิดเห็นในหลาย ๆ เรื่อง อาจจะไม่ใช่แค่เรื่องทางการเมือง อาจจะเป็นการแสดงออกทางความคิดเห็นในเรื่องอื่น เช่น ที่อยู่อาศัย หรือ EIA โดยจะมีการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบก่อนประกาศใช้ ซึ่งพื้นที่นั้นมีความแตกต่างกันจะต้องมีการจัดการให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ต่อไป