6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

17 มิ.ย. 2565 | 05:31 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มิ.ย. 2565 | 13:09 น.

6 เมกะเทรนด์  ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ  ใน 3 ปีข้างหน้าความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว-ปรับเปลี่ยนสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อสร้างความเติบโตของธุรกิจ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ TTB Analytics ทำการศึกษาแนวโน้มธุรกิจผ่านกรอบเมกะเทรนด์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565-2569 ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงของธุรกิจไทยหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งกินเวลายาวนานถึง2ปีครึ่ง และปัจจุบันกำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น  และภาครัฐประกาศเป็นโรคระบาดประจำถิ่นทำให้ภาครัฐประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามายังประเทศได้ เพื่อหวังฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

ทั้งนี้ระยะสองปีกว่าที่ผ่านมาได้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้แนวโน้มธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ได้ทำการวิเคราะห์เทรน์ที่ภาคธุรกิจจะต้องเผชิญและต้องเร่งปรับตัว  6 เมกะเทรนด์ที่ภาคธุรกิจจะเผชิญในอีก 3 ปีข้างหน้าซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เทรนด์ต้องเร่งทำ 2 เทรนด์ต้องเร่งเสริม 2 เทรนด์ต้องเร่งตระหนัก

 

 

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

โดย 2 เมกะเทรนด์ ต้องเร่งทำ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางการตลาดให้ธุรกิจ  คือ เมกะเทรนด์ “Digitalization”  เป็นการนำระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ค่อนข้างมาก ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยจากร้านค้าทั่วไป มาเป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada, Facebook, Instagram, Line, Tiktok ฯลฯ รวมถึงการชำระเงินก็เป็นไปโดยง่ายผ่านแอปพลิเคชันของสถาบันการเงิน ทำให้ร้านค้าต่าง ๆ ปรับตัวเพิ่มช่องทางร้านค้าออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นช่องทางการขายออนไลน์จึงเป็น ทางรอด ไม่ใช่ทางเลือกของผู้ประกอบการ

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลนี้ ตลาดสินค้าและบริการจะเป็น ตลาดของผู้บริโภคที่สามารถเลือกและสรรหาสินค้าได้เองด้วยความรวดเร็ว ส่งผลทำให้สินค้าหมุนเวียนเร็วขึ้น  กุญแจสำคัญของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลนี้ นอกจากผู้ประกอบการจำเป็นต้องนำสินค้าเข้าสู่หน้าร้านออนไลน์แล้ว สินค้าจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่รวดเร็วรวมถึงต้องรักษามาตรฐานสินค้าให้ดี เนื่องจากจะทำให้ผู้บริโภคซื้อและบอกต่อประสบการณ์ไปยังผู้บริโภคคนอื่น ๆ ต่อไปได้

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

และ เมกะเทรนด์ “ Globalization” การเชื่อมโยงทุกสิ่งบนโลกอย่างแนบแน่น ซึ่งมาพร้อมกับโอกาสและความท้าทายที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญ   ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโต ซึ่งการเข้าถึงตลาดต่างประเทศมีความสะดวกขึ้นทั้งในรูปแบบการค้าขายแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) และธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) ผ่านช่องทางแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ เช่น  eBay, Amazon, Best Buy, Alibaba, AliExpress, JD Worldwide, TMall, Taobao, WalMart, FlipKart, PayPay Mall

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

และความท้าทาย คือ ผู้ประกอบการต้องบริหารปัจจัยการผลิตด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของความต้องการสินค้าและปัจจัยการผลิตในประเทศหนึ่งจะส่งผลต่ออีกหลายประเทศอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนการผลิตมีความผันผวนและคาดการณ์ได้ยากลำบากขึ้น เช่น ทิศทางราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ได้แก่ น้ำมัน เหล็ก ข้าวโพด ฯลฯ ปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องบริหารจัดการความเสี่ยงตั้งแต่การวางแผนสต็อกวัตถุดิบ การผลิต สต็อกสินค้า และการขายสินค้า

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

ขณะที่ 2 เมกะเทรนด์ที่ ต้องเร่งเสริม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจนั้นคือ เมกะเทรนด์ “ New Technologies”ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี 5G และเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน (รถยนต์ไฟฟ้า และโซลาร์เซลล์) จะส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจ รวดเร็ว แม่นยำ และประหยัดขึ้น เนื่องจาก ภาคผู้บริโภค เข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ในทุกที่อย่างรวดเร็วและสามารถใช้งานได้แบบทันที ในขณะที่ ภาคธุรกิจ จะต้องนำเทคโนโลยี 5G มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นเกิด ธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น ธุรกิจการแพทย์มีการพัฒนาความสามารถในวิเคราะห์โรคได้อย่างแม่นยำและใช้เวลาในการประเมินผลการเจ็บป่วยไม่นาน

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

เช่นเดียวกับ เมกะเทรนด์ “Collaborative Business Models” ต้องอยู่ในรูปแบบการร่วมมือและพึ่งพากัน  โดยการร่วมมือทางธุรกิจสามารถแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ ระดับที่ 1 การแชร์ข้อมูลระหว่างกัน (Sharing Information) ข้อมูลที่จะแชร์ระหว่างกัน ได้แก่ ข้อมูลดีมานด์และซัพพลาย ยกตัวอย่าง ธุรกิจปลายน้ำ ดังนั้นการแชร์ข้อมูลระดับดีมานด์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นให้ธุรกิจกลางน้ำและต้นน้ำจะทำให้ธุรกิจสามารถปรับกระบวนการผลิตได้ ในขณะที่ธุรกิจต้นน้ำจะรู้ถึงต้นทุนการผลิตว่าเป็นอย่างไร

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

ระดับที่ 2 การแลกเปลี่ยนการตัดสินใจระหว่างกลุ่มธุรกิจ (Exchanging Decision Rights) คือ การให้อำนาจผู้ขายสามารถตัดสินใจวางแผนการบริหารจัดการสต็อกสินค้าในกลุ่มธุรกิจได้ ดังนั้น การวางแผนทิศทางกลุ่มธุรกิจจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ทันเหตุการณ์

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

ระดับที่ 3 การแลกเปลี่ยนการทำงานระหว่างกลุ่มธุรกิจ (Exchanging Work) ธุรกิจที่อยู่กลางน้ำและต้นน้ำ สามารถพิจารณาแลกเปลี่ยนการทำงานระหว่างกันตามลำดับความเชี่ยวชาญของตน สายการผลิตใดที่ทับซ้อนกันก็ให้ใช้สายการผลิตของผู้ประกอบการที่ผลิตได้ดีและต้นทุนต่ำกว่า เพื่อพิจารณาร่วมกันใช้สายพานของผู้ประกอบการรายนั้นเพื่อลดต้นทุนลง เป็นต้น  และระดับที่ 4 การแชร์ปัจจัยเสี่ยงและกำไรระหว่างกลุ่มธุรกิจร่วมกัน (Sharing Risks and Benefits)  จะทำให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในซัพพลายเชนสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการภายนอกประเทศได้ เพราะทุกกิจการเห็นความเสี่ยงและโอกาสไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้สามารถวางแผนเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจได้อย่างมีทิศทางอย่างเป็นระบบ

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

และอีก2 เมกะเทรนด์สุดท้ายคือการ ต้องเร่งตระหนักเพื่อนำมากำหนดกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง  นั้นคือ เมกะเทรนด์ “Aging Society” ไทยเข้าใกล้สู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว โดยปี 2564 มีผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 60 ปีจำนวนกว่า 12 ล้านคน คิดเป็น 18% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ดังนั้น สินค้าที่จะตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ สันทนาการ การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเชิงวัฒนธรรมที่มีกิจกรรมเบา ๆ ที่กลุ่มผู้สูงอายุสามารถเข้าร่วมได้

นอกจากตลาดสินค้าและบริการจะมีทิศทางไปทางกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว จะพบว่ากลุ่มผู้บริโภคที่ชี้นำการบริโภคของตลาด คือ กลุ่มอายุตั้งแต่ 35-49 ปี มีจำนวน 15 ล้านคน คิดเป็น 22% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งอยู่ในวัยทำงานที่รายได้เริ่มมั่นคงและมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการสูง ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้อยู่ในช่วงสร้างครอบครัวและบางส่วนมีภาระต้องดูแลทั้งเด็กและผู้สูงอายุในเวลาเดียวกัน ผู้บริโภคกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ชี้นำทิศทางภาพรวมการบริโภคของตลาดได้ นอกจากผลิตสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุแล้ว ภาคธุรกิจจำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมการบริโภคกลุ่มอายุ 35-49 ปี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีอำนาจตัดสินใจในการซื้อ

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

และ เมกะเทรนด์ “ BCG Economy”  เทรนด์เศรษฐกิจใหม่ที่ภาครัฐกำหนดให้เป็นแนวนโยบายแห่งชาติ ซึ่งมีเป้าหมายให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศควบคู่ไปกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาโลกร้อนไปด้วยในเวลาเดียวกัน โดย BCG Economy ประกอบไปด้วย   เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio-economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy))เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

6 เมกะเทรนด์ ความท้าทายผู้ประกอบการไทย เร่งปรับตัวสร้างโอกาสทางธุรกิจ

จะเห็นได้ว่า 6 เมกะเทรนด์ ตั้งแต่ปี 2565-2569 จะเข้ามาบทบาทในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจไทยใน 3 ปีข้างหน้าซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวและปรับเปลี่ยนสินค้าและบริการให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างความเติบโตของธุรกิจต่อไป