จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติ กัญชา กัญชง วาระแรก พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวขึ้นมานั้น ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (20 มิถุนายน 2565) นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการฯ ว่า คณะกรรมาธิการฯ เห็นควรให้ในแต่ละครัวเรือนสามารถปลูกต้นกัญชา เพื่อการใช้ในครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ต้น
ทั้งนี้ เพื่อความคล่องตัวและเจตนารมณ์ในการส่งเสริมทางเศรษฐกิจ กรรมาธิการฯ เป้าหมายให้กัญชงและกัญชา ไม่เพียงมีประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่จะต้องลดช่องว่างทางเศรษฐกิจด้วย ยิ่งมีขนาดการปลูกทางเศรษฐกิจมากก็จะต้องมีขั้นตอนและวิธีการมากขึ้น กรรมาธิการฯ จึงได้แบ่งกลุ่ม ประเภททางเศรษฐกิจตามเกณฑ์ 3 ระดับ ได้แก่
1.กลุ่มเศรษฐกิจขนาดเล็ก ขนาดไม่เกิน 5 ไร่ จะมีความคล่องตัวมากที่สุด ค่าธรรมเนียมน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
2.กลุ่มขนาดกลางไม่เกิน 20 ไร่
3.กลุ่มขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่การปลูกมากกว่า 20 ไร่ ซึ่งถือเป็นผู้ลงทุนที่หวังผลทางธุรกิจ จะต้องมีผลตอบแทนให้กับรัฐมากขึ้น แต่การอำนวยความสะดวกต่าง ๆ นั้น จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการรายเล็กมากกว่า และผู้ประกอบการรายใหญ่ จะต้องแบ่งปันให้สังคม และคืนให้กับรัฐมากกว่า
นายปานเทพ โฆษก กมธ.กัญชา กัญชงฯ ยังได้กล่าวถึงการปลูกกัญชาของสถานพยาบาล เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ว่า สถานพยาบาลจะได้รับการคุ้มครองการปลูกเพื่อการแพทย์ในสถานพยาบาล โดยสามารถปลูก เพื่อผลิตตำรับยาของสถานพยาบาลได้ไม่เกิน 5 ไร่
พร้อมกันนี้ นายปานเทพ ได้กล่าวด้วยว่า กรรมาธิการฯ ขอบคุณทุกสถานศึกษาที่ช่วยกันทำความเข้าใจ ในการระมัดระวังการใช้กัญชาในกลุ่มเยาวชน ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และร่างกฎหมาย มีเจตนารมณ์ในการควบคุมการใช้กัญชาอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับประกาศของกระทรวงสาธารณสุข และเตรียมยกร่างบทบัญญัติดังกล่าวไว้ในกฎหมาย จึงขอสังคมไม่ต้องเป็นกังวล ในการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน