สถานการณ์เงินเฟ้อ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของหลายประเทศทั่วโลก หลังตกอยู่ในภาวะเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูง จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหารัสเซีย-ยูเครน ที่นักวิเคราะห์ออกมาฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่าจะยืดเยื้อยาวนาน
ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังพุ่งทะยานอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ล่าสุด “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ออกมาระบุว่า ช่วงนี้เงินเฟ้อในประเทศต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 กว่าปี โดยอังกฤษเงินเฟ้ออยู่ที่ 9.1% สหรัฐ 8.6% และเยอรมัน 7.9%
ขณะเดียวกันจากสถิติของประเทศที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูงสุดขณะนี้ คือมีเงินเฟ้อตั้งแต่ประมาณ 30% ขึ้นไป เช่น
โดยประเทศที่เงินเฟ้อสูงขนาดนี้ คนลำบากก็คือ ประชาชนที่ต้องรับภาระราคาสินค้าที่เพิ่มสูงตลอดเวลา ต่อให้เศรษฐกิจยังโต แต่เงินได้ของทุกคนก็จะถูกกัดกร่อนจากเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น เงินเดือนที่มี พอถึงปลายปี จะซื้อของได้ลดลง โดยเฉพาะเลบานอน จะซื้อของได้ไม่ถึงครึ่งของที่เคยซื้อได้ในช่วงต้นปี นี่คือ ฝันร้ายที่เหล่าธนาคารกลางไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ขณะที่หลายประเทศผู้นำทางด้านเศรษฐกิจของเอเชียต่างก็เผชิญปัญหาเงินเฟ้อเช่นกัน อย่างเกาหลีใต้ ข้อมูลล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2565 เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 14 ปี
เช่นเดียวกับสิงคโปร์ อัตราเงินเฟ้อแตะ 5.6% เพิ่มจากเดือนก่อน 5.4% ขณะที่ญี่ปุ่นเองเงินเฟ้อยังอยู่ที่ในระดับเกิน 2% ล่าสุดเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 2.5%
ส่วนประเทศไทยเองนั้น ที่ผ่านมา สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2565 พบว่า ขยายตัว 7.10% สูงสุดในรอบ 14 ปี นับจากเดือนกรกฎาคม 2551 ซึ่งอยู่เคยขึ้นไปแตะ 9.20%
โดยเป็นผลมาจากราคาพลังงาน สูงขึ้นถึง 37.24% ประกอบกับมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพภาครัฐ สิ้นสุดแล้วหลายโครงการ ทั้งช่วยเหลือค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น 45.43% และก๊าซหุงต้มสูงขึ้น 8%
ด้าน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุสาเหตุของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยปัจจุบัน ปรับตัวเร่งขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงาน ตามการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้นจากราคาในหมวดอาหาร และผลของฐานค่าน้ำประปาที่ต่ำในปีก่อนจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ
เช่นเดียวกับ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ยอมรับว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ต้องจับตา ส่วนใหญ่มาจากราคาพลังงานส่งผลกระทบกับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งภาครัฐต้องเข้าไปช่วยผ่านมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อช่วยลดค่าครองชีพ โดยการประมาณการตัวเลขเงินเฟ้อทั้งปี 2565 สศช.คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 4.2-5.2%
ขณะที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทย ณ ปัจจุบัน แม้มีปัจจัยกดดันจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาสินค้า สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2565 ที่เพิ่มขึ้น แต่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี
เช่นเดียวกับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง สามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2565 อยู่ในระดับสูงที่ 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ดร.อมรเทพ จาวะลา” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 3 น่าจะอยู่ในระดับสูงสุดของปี และมีโอกาสแตะระดับ 10% ได้ จากราคาน้ำมันที่ยังสูง ราคาอาหารสด และที่สำคัญ น่าจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อจากฝั่งอุปสงค์ หลังกำลังซื้อฟื้นตัวจากไตรมาส 2 รับการเปิดเมืองและจากฐานที่ต่ำในปีก่อน
ส่วนเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2565 ต้องรับมือกับความท้าทายหลักๆ ได้แก่