นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในฐานะรองประธานกรรมการการประชุมคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ครั้งที่ 2/2565 (ครั้งที่ 4) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลักด้านทิศตะวันออก (East Expansion) วงเงิน 7.8 พันล้านบาท
โดยมีการแนวทางการปรับแบบอาคารผู้โดยสารส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออก เพื่อให้สอดคล้องกับบริบททางการบินในปัจจุบัน โดยใช้ระยะเวลา 7 เดือน ดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2565 หลังจากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการ ทอท. และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบภายในเดือนมกราคม 2566 คาดว่าจะดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างและก่อสร้างได้ในปี 2566 ใช้ระยะเวลา 29 เดือน แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2568
จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่คาดว่าจะกลับมาในระดับประมาณ 65 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2568 เท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19
ที่ผ่านมาได้เร่งรัดศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) เพื่อให้คณะกรรมการฯ ได้มีข้อมูลมาประกอบการพิจารณาร่วมกับผลการศึกษาของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) ศึกษาแล้วเสร็จเมื่อเดือนสิงหาคม 2564
ด้านความคืบหน้าการดำเนินงานจ้าง ICAO เพื่อศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างหารือร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาร่างข้อตกลง (Agreement) สำหรับการจ้าง ICAO ศึกษาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถของอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้ได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินงานตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก่อนลงนามในสัญญาจ้าง คาดว่าสำนักงานอัยการสูงสุดจะพิจารณาร่างข้อตกลงแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2565
“ที่ประชุมมอบหมายให้ ทอท.พิจารณาตรวจสอบข้อสัญญาและเงื่อนไขการร่วมลงทุนโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ ให้ชัดเจน ต่อการพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ของ ทอท. มีลักษณะส่งผลกระทบต่อการประกอบการ หรือการดำเนินโครงการฯ และวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการสนามบินอู่ตะเภาฯ อันเป็นการกระทำที่ผิดต่อสัญญาร่วมลงทุนตามข้อใดหรือไม่ อย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อพิพาทและฟ้องร้องต่อรัฐได้ และให้กระทรวงคมนาคมมีหนังสือแจ้งยืนยันผลการพิจารณาไปให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ทราบด้วย”