นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผย ผ่านเฟซบุ๊ก Kobsak Pootrakool ว่า
อ่อนทำสถิติ กันถ้วนหน้า !!!
เมื่อวานนี้ ค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าลงไปแตะระดับ 1.0162 ดอลลาร์/ยูโร
ซึ่งเป็นการอ่อนลงอย่างรวดเร็วประมาณ 2.3% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
ส่งผลให้เงินยูโรทำสถิติอ่อนค่ามากสุดในรอบ 20 ปี !!!
พร้อมลงไปแตะระดับ 1 ดอลลาร์ = 1 ยูโร
ซึ่งถ้าอ่อนค่าต่อเนื่องลงกว่านั้น ก็จะเป็นอีกรอบที่ "เงินดอลลาร์มีค่ามากกว่าเงินยูโร" หลังจากที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2000-2002
หากเป็นเช่นนี้ ก็จะมีความหมายมาก
ที่นอกจากจะมีนัยยะต่อ "คนที่เก็งกำไรค่าเงินในระยะสั้น" แล้ว
ค่าเงินยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจด้วย
การที่เงินยูโรลดค่าลงมาที่ 1 ดอลลาร์/ยูโร จากที่เคยสูงสุดประมาณ 1.6 ดอลลาร์/ยูโร เมื่อปี 2008 (ระหว่างที่เศรษฐกิจยุโรปเฟื่องฟูมาก จากการผสานเป็นเนื้อเดียวกับยุโรปตะวันออก ที่เปิดประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวได้ดีอย่างยิ่ง ในช่วงก่อนเกิดวิกฤต Subprime)
หมายความว่า คนอเมริกาสามารถซื้อสินทรัพย์และสินค้าต่างๆ จากยุโรปด้วยเงินที่ลดลงถึง 60%
หากคิดจะซื้อโรงแรม ที่ดิน บริษัท จากที่เคยต้องจ่าย 1.6 พันล้านดอลลาร์ ก็จะลดลงเหลือเพียง 1 พันล้านดอลลาร์ เท่านั้น !!!
สะท้อนถึงความมั่งคั่งและฐานะของยุโรปที่ลดลงโดยเปรียบเทียบไปในตัว
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะปัจจัยสำคัญ 2-3 ด้าน
(1) ความแตกต่างของเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป ซึ่งล่าสุด ดูเหมือนจะว่ายุโรปกำลังจะมีปัญหามาก และชะลอตัวลงกว่าคาด จากผลของสงครามที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ดัชนี EURO STOXX 50 ซึ่งเป็นดัชนีของบริษัทชั้นนำของยุโรป ที่ได้ลดลงไป 12.5%
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของเยอรมัน ได้ลดต่ำลงไปกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดไปแล้วประมาณ 10% เช่นกัน
นอกจากนี้ เยอรมันซึ่งเป็นหัวรถจักรสำคัญที่สุดของยุโรป กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดดุลบัญชีการค้าเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานในยุโรปที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนในการผลิตสินค้าของเยอรมันพุ่งสูงขึ้น การส่งออกจึงหดตัวลง 0.5% ขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงานโลก
และยิ่งรัสเซียตอบโต้กลับ โดยลดการส่งก๊าซให้กับยุโรป และอาจจะตัดเลยในอนาคต เศรษฐกิจยุโรปก็อาจจะเข้าสู่ภาวะ Recession ต่อไปได้
(2) ความแตกต่างของนโยบายเฟดและ ECB ซึ่งเฟดมีความชัดเจนมากเรื่องการสู้กับเงินเฟ้อ ขณะที่ ECB ยังรีรอ อ่านสถานการณ์
ยิ่งตลาดแรงงานของสหรัฐยังไปได้ แต่เศรษฐกิจยุโรปอาจจะเกิดปัญหา ความแตกต่างของนโยบายก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น
เรื่องนี้ ทำให้เงินไหลจากยุโรปไปสหรัฐ และส่งผลต่อค่าเงินทั้งหมด จึงทำให้เงินยูโรที่ปกติแล้วจะอยู่ระหว่าง 1.1-1.2 ดอลลาร์/ยูโร ด้อยค่าลง
กลายเป็นอีกสกุลเงินที่อ่อนทำสถิติใหม่
ที่มา : เฟซบุ๊ก Kobsak Pootrakool