นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) เปิดเผยภายหลังรับฟังศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 580/2564 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ผู้ฟ้องคดี) กับ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา เพิกถอนมติที่ประชุมคณะกรรมการคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่ยกเลิกการประกวดราคา และคำสั่งของผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่มีคำสั่งและออกประกาศยกเลิกการประกวดราคาโครงการดังกล่าว เมื่อวันที่ 3 ก.พ.2564
"ศาลให้ความยุติธรรมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากนี้ก็เหลือคดีทางอาญาที่ศาลมีคำสั่งนัดในวันที่ 27 ก.ย.นี้ การตัดสินครั้งนี้เราก็ดีใจ เพราะถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างบรรทัดฐานการประมูล เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเราจะชนะหรือแพ้ แต่อยากให้การประมูลเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้"
ส่วนหลังจากนี้ ตามขั้นตอน รฟม.สามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาได้ภายใน 30 วัน ขณะที่การประกวดราคารอบใหม่ ปัจจุบันบีทีเอสก็เข้าร่วมซื้อซองเอกสาร แต่ยอมรับว่าหลักเกณฑ์คัดเลือกด้านคุณสมบัติในการประมูลรอบใหม่นั้น แตกต่างจากเกณฑ์รอบแรกอย่างมาก ดังนั้นจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในวันนี้ ที่ชี้ว่าการยกเลิกประมูลผลจากการเปลี่ยนหลักเกณฑ์คัดเลือกในครั้งนั้นไม่ชอบด้วบกฎหมาย ก็อาจจะต้องรอดูว่า รฟม.จะดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในโครงการนี้อย่างไร และใช้หลักเกณฑ์ใด
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางวันนี้ ชี้ให้เห็นว่าการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในการประมูลครั้งแรกนั้นยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการ เพราะคำสั่งยกเลิกประมูลไม่เป็นผล ซึ่งโดยปกติแล้วโครงการเดียวก็ต้องมีการประมูลในครั้งเดียว และใช้หลักเกณฑ์เดียว ดังนั้นการออกประมูลรอบใหม่ที่ รฟม.กำลังจะเปิดรับซองเอกสารจากเอกชนในวันที่ 27 ก.ค.นี้ จะดำเนินการอย่างไร คงต้องรอดูการพิจารณาจาก รฟม.อีกครั้ง เพราะถือว่าปัจจุบันการประมูลครั้งแรกยังไม่แล้วเสร็จ แม้ว่าจะมีการคืนซองข้อเสนอของเอกชนไปบ้างแล้ว แต่ศาลฯ ก็ชี้ว่าการประมูลรอบใหม่ก็ยกเลิกได้
"ขณะนี้หลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนรอบใหม่มีความชัดเจนแล้ว โดยรฟม.มีการใช้หลักเกณฑ์ด้านราคาตามเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ด้านเทคนิค คือคุณสมบัติผู้ก่อสร้างงานโยธา จากเดิมพันธมิตรร่วมทุนของเราคือบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้าร่วมประมูลได้ แต่กลับพบว่าการประมูลรอบหนี้ทางบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC มีคุณสมบัติไม่ครบตามหลักเกณฑ์การประมูลสายสีส้มที่กำหนด ซึ่งน่าแปลกใจ ทำให้บริษัทต้องหาพันธมิตรรายอื่นมาร่วมด้วย"
นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาพบว่าหลักเกณฑ์การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มกำหนดให้ผู้ก่อสร้างงานโยธามีประสบการณ์การเดินรถในไทยเท่านั้น และประสบการณ์การก่อสร้างในต่างประเทศได้ แต่หลักเกณฑ์ครั้งนี้กำหนดให้มีประสบการณ์เดินรถในต่างประเทศได้และมีผลงานการก่อสร้างเฉพาะในไทยเท่านั้น ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ค่อนข้างจำกัด ทางบริษัทได้ให้ความเห็นเรื่องนี้กับทางรฟม.ในช่วงที่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนแล้ว ขึ้นอยู่รฟม.เป็นผู้พิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีคดีทั้งหมด 1 คดี คือ คดีการแก้ไขหลักเกณฑ์และยกเลิกการประมูลของรฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง