จากกรณีที่ ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาในคดี "ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม" ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากรฟม. ทำการยกเลิกประกวดราคากลางคัน แต่ รฟม.ในฐานะเข้าของโครงการยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ภายใน 30 วัน หลังศาลมีคำพิพากษา
ล่าสุด ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงคำพิพากษาของศาลว่า ในฐานะที่ติดตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมาตลอด ต้องขอขอบคุณศาลปกครองกลาง ที่ตัดสินคดีนี้จนมีความชัดเจน
ถือว่าเป็นคดีที่บริษัทเอกชนกล้าที่จะออกฟ้องเพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาเรามักจะเห็นภาคเอกชนหลักเลี่ยงการเป็นคดีกับภาครัฐ แม้จะเจอกับความไม่เป็นธรรมในรูปแบบต่างๆ
ส่วนการดำเนินโครงการของรฟม. ในส่วนของการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น เท่าที่ติดตามมีข้อมูลและเสียงวิจารณ์ถึงความไม่ชอบมาพากล เมื่อมีคำตัดสินของศาลแบบนี้ทำให้กระทบกับความสง่างามของโครงการ
"ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง ที่พบว่า ในระยะหลังโครงการขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจ็กต์ของรัฐ หลายหน่วยงานมักพยายามหลักเลี่ยงวิธีการปกติตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ตามการประมูลโครงการที่โปร่งใสดังที่เคยปฏิบัติกันมา"
ดร.มานะ กล่าวด้วยว่า เหตุผลที่หน่วยงานเลือกที่จะไม่ใช้วิธีการที่ปกติ อาจจะเพราะกฎหมายมีข้อยกเว้น มีคำว่ากรณีพิเศษ ซึ่งพอใช้หลักการแบบนี้ทำให้การตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นทำได้ยาก แต่สิ่งที่จะพบจากการไปกำหนด "เงื่อนไขพิเศษ" ขึ้นมา จนกลายเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่เข้าทาง ที่อาจจะเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เมื่อวิธีการผิดไปจากแนวทางเดิมที่มีความโปร่งใส
"เพราะมักจะอ้างว่าหน่วยงานมีอำนาจตามกฎหมาย หรืออ้างว่าเป็นมติของคณะกรรมการของตัวเองที่มีอำนาจเฉพาะ ทำให้เกิดวิธีที่แหวกแนว เป็นช่องทางในการทุจริตอย่างมาก สิ่งที่ตามมาคือโครงการขาดความสง่างาม มีความไม่แน่นอนในการลงทุนของนักลงทุนในไทยและความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุน โครงการนี้เป็นโครงการที่มีบทเรียนชัดเจน" ดร.มานะ กล่าวทิ้งท้าย