สายรัดประหยัดน้ำมัน EnSave คืออะไร ช่วยได้จริงหรือไม่ เป็นคำถามที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
หลังจากที่เฟซบุ๊กเพจดังหลายเพจต่างพูดถึงนวัตกรรมใหม่ที่ระบุว่า ช่วยลดการใช้น้ำมันได้ ทำให้ประหยัดค่าน้ำมันไปได้เยอะ คือ "สายพลังงานประหยัดน้ำมัน" ซึ่งพบว่าผู้จำหน่ายเป็นไฮโซหญิงรายหนึ่ง เธอได้โพสต์ลงทั้งเพจของสินค้าและเฟซบุ๊กส่วนตัว มีการนำไปมอบให้กับดาราอาวุโส เพื่อให้ร่วมโปรโมตด้วย รวมถึงอู่รถยนต์และบริษัทต่าง ๆ เพื่อถ่ายภาพไปโปรโมตสินค้าเช่นกัน
พร้อมกันนี้ยังมีการระบุข้อความด้วยว่า ไม่ต้องกลัวราคาน้ำมันแพงนะคะ แค่มีสายรัดประหยัดพลังงานที่สายส่งน้ำมันไปหัวฉีด สายประหยัดพลังงานจะแยกโมเลกุลน้ำมันให้เล็กลง ทำให้การใช้น้ำมันลดลง 20 - 30%
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้ทำการสืบค้นข้อมูล เพื่อไขคำตอบพบว่าสินค้าอุปกรณ์เสริมช่วยประหยัดน้ำมันนี้ ถูกขายบน Facebook Fanpage : EnSave สายพลังงานประหยัดน้ำมัน และ Piwaterthailand ซึ่งสายรัดสีฟ้าว่านี้ทางผู้ผลิตได้ระบุว่ามีการใช้ซิลิโคนที่ผลิตด้วย Black Technology
ผสมกับแร่ชนิดพิเศษที่มีชื่อว่า ซูปเปอร์พาย 2 ซึ่งได้ผ่านการคิดค้นร่วมกับสถาบันวิจัยในประเทศญี่ปุ่นมานานกว่า 15 ปี เสริมด้วยแร่แกรฟีนและหินลาวา ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพลังงานควอนตัม (Quantum) ทำให้เกิดพลังงานแผ่รังสี “แกรมม่าเรย์” ช่วยให้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นนั้นมีขนาดโมเลกุลที่เล็กลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อรถของคุณดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ทางผู้ผลิตยังได้มีการตรวจวัดค่าพลังงานที่ปล่อยออกมาด้วยเครื่อง ion tester รวมถึงยังได้มีการอ้างว่าสินค้าตัวนี้ผ่านการตรวจสอบจากสถาบันนิวเคลียแห่งชาติอีกด้วย
EnSave สายพลังงานประหยัดน้ำมันสำหรับวิธีการใช้งานของเจ้าสายประหยัดน้ำมันตัวนี้ก็ง่ายดายสุดๆ เพียงแค่นำสายตัวนี้มาพันเข้ากับสายจ่ายน้ำมันก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ เพียงแค่นี้ก็สามารถใช้งานเจ้าสายประหยัดพลังงานตัวนี้ได้แล้ว และที่พิเศษกว่านั้นมันยังสามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์ดีเซล เครื่องยนต์เบนซิน รถยนต์ที่ใช้พลังงานแก๊สก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ล่าสุดนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ หรือ อาจารย์เจษฎ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ถึงประเด็นนี้ด้วยว่า
“เตือนระวัง อย่าหลงเชื่อโฆษณาหลอกขาย อุปกรณ์ประหยัดน้ำมัน” ในช่วงที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากอย่างตอนนี้ ก็มีอุปกรณ์ที่อ้างว่าสามารถทำให้ยานพาหนะประหยัดการใช้พลังงานขึ้นได้ ออกมาจำหน่ายมากมายหลายยี่ห้อเลยครับ
ซึ่งหลักๆ แล้ว มักจะเป็นอุปกรณ์ที่แอบอ้างหลอกลวง หรือโฆษณาเกินจริงด้วยการใช้คำพูดเชิง pseudo science วิทยาศาสตร์ลวงโลก มาทำให้ดูน่าเชื่อถือ … แล้วตามด้วยการอ้าง “ผู้ใช้” มาบอกต่อกันว่าประหยัดจริงๆ อย่างนั้นอย่างนี้ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นอุปาทานไปกันเอง เพราะไม่ได้ใช้เครื่องมือวัดที่ถูกต้อง .. หรือว่าเป็นหน้าม้าร่วมด้วย)
1.อย่างภาพโฆษณาของสินค้าเก่าที่พอจะหาภาพเจอ (ขายในปี พ.ศ. 2558) อันนี้ ที่เอาไปพันกับท่อในเครื่องยนต์แล้วอ้างว่าประหยัดน้ำมันได้ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการอธิบายถึงการหลอกขายได้ เช่น
2. จริงๆ เรื่องพวกนี้ ก็มีการเตือนกันมานานแล้ว อย่างข่าวนี้ ตั้งแต่ปี 2552 (http://www.bt-50.com/topic.php?q_id=8515) “ปตท. ออกโรง เตือนผู้บริโภค ระวัง โดนแหกตา อุปกรณ์เสริมและสารเคมีที่ช่วยประหยัดน้ำมัน ไม่สามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้จริง ผลพิสูจน์แล้ว ไม่มีรายใดผ่านมาตรฐานสากล เพียงแค่ผู้ผลิตอ้างสรรพคุณให้หลงเชื่อเท่านั้น”
3. ในอดีตนานแล้ว (ปี พ.ศ. 2547) ก็เคยมีกรณีของสินค้าที่แอบอ้างว่าประหยัดน้ำมันได้ ชื่อว่า E-Plus (เสียดายว่าหารูปประกอบไม่เจอแล้ว) ซึ่งเคยเป็นข่าวใหญ่ เพราะดันผ่านการรับรอง แนะนำ โดยหน่วยงานของรัฐอย่าง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) แต่มาถูกเปิดโปงพิสูจน์ได้ภายหลังว่าไม่ได้ประหยัดน้ำมันจริง
4.คำแนะนำสำหรับ #การขับรถให้ประหยัดน้ำมัน จาก ปตท.
ที่มา : FB : อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ,เว็บไซด์ carvariety.com