วันนี้ (10 ก.ค.65) พรรคสร้างอนาคตไทย จัดงานสัมมนา หัวข้อ “เจาะลึกวิกฤติ ร่วมคิดทางออก (Economic wrap up and recommendation)” เพื่อนำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย
นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวว่า ในขณะนี้ภาพใหญ่ด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยเผชิญความท้าทายทั้งเรื่องการผ่านพ้นวิกฤตระยะสั้น และระยะยาว
โดยในระยะสั้นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นมาก การแก้ปัญหาเงินเฟ้อจะนำมาสู่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยยายเพื่อลดปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ แต่โจทย์คือทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลในช่วงที่นโยบายการเงินเปลี่ยนแปลง เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยกระทบทุกภาคส่วนไม่เท่ากัน ภาครัฐจำเป็นต้องมีนโยบายที่จะช่วยดูแลประชาชน และภาคธุรกิจ ในช่วงเวลานี้ภาครัฐจำเป็นต้องทำนโยบายที่ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้แม้ว่าในปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่การฟื้นตัวนั้นต้องดูว่าทุกภาคส่วนสามารถฟื้นตัวอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ อย่างเช่น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นตัว ยังมีปัญหาเรื่องของหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการเข้าถึงแหล่งทุนของเอสเอ็มอี ต้องมีการคิดกลไกเสริมใหม่ๆเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยในเรื่องนี้สามารถที่ส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาทำเรื่องนี้โดยภาครัฐอำนวยความสะดวก
“ประเทศไทยไม่เคยเจอวิกฤติแบบนี้มาก่อน แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะแย่ลง อย่าให้วิกฤติตอนนี้มาเป็นเหตุผลว่าเราเดินไม่ได้ ต้องเดินตอนนี้ให้เห็นว่าเรามีศักยภาพเพื่อให้สิ่งที่คาดหวังไว้ประสบความสำเร็จ โดยต้องเน้นในเรื่องของการพัฒนาสตาร์ทอัพ การพัฒนาคนให้ประสบความสำเร็จ และช่วยเหลือให้คนตัวเล็กในประเทศสามารถเดินไปได้”
นอกจากนี้ยังมีหลายเรื่องที่เป็นความท้าทาย ที่ต้องบริหารจัดการแนวทางที่เกิดขึ้นต้องช่วยกันคิดต้องหาทางออก เพื่อให้ประเทศไทยผ่านความเสี่ยง และสร้างโอกาสให้มีมากขึ้นเพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถที่จะเดินหน้าได้ และประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมที่จะรับมือความท้าทายต่างๆได้ในอนาคต โดยในส่วนของภาคอุตสาหกรรม
ในวันนี้ยังมีโอกาสในหลายส่วน ประเทศไทยต้องคว้าโอกาสให้ได้ในส่วนของเมกะเทรนด์ เพราะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจ ประเทศไทยมีโอกาสในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการแพทย์ โดยต้องทำงานในเชิงรุก ไม่สามารถใช้แต่กลไกของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ภาครัฐต้องจับมือเอกชนที่เดินหน้าเต็มที่ ตอนนี้หลายประเทศใช้ยุทธศาสตร์นี้ เชื่อว่าประเทศไทยไม่แพ้ใคร
นายอุตตม กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของนโยบายสาธารณะที่ดี ต้องอาศัยการขับเคลื่อนที่จริงจังต่อเนื่อง และกำหนดผู้ที่มีความรับผิดชอบที่ชัดเจน รวมทั้งต้องทำให้นโยบายสามารถไปสู่การปฏิบัติ และขับเคลื่อนด้วยกลไกภาครัฐ และเอกชน
โดยรัฐต้องส่งเสริมให้เอกชนทำงานอย่างเต็มที่ ภาคเอกชนสามารถที่จะเดินหน้าไปได้ ขณะที่ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวกลับมา และใช้จ่ายในประเทศได้มากขึ้น ทั้งหมดต้องมียุทธศาสตร์ และแผนงานที่จริงจัง
“วันนี้โลกปรับเปลี่ยน ก็ถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เท่าทันโลก ซึ่งต้องทำในสิ่งใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุน เขามองประเทศไทยแล้วเกิดความเชื่อมั่น ในเรื่องของอีอีซีเป็นเรื่องที่สำคัญที่ได้เดินหน้าไปแล้ว ก็ขอฝากไปยังรัฐบาลว่าจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร เพื่อให้โครงการอีอีซีเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม กล้าคิด กล้าที่จะทำให้จริงจัง” หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ระบุ