นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คาดจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในปี 2567
ทั้งนี้ตามมติคณะกรรมการฯ ซึ่งได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. การหารายได้จากการขนส่ง
บริษัท การบินไทย มีรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 มีส่วนแบ่งจำนวนผู้โดยสารคิดเป็นร้อยละ 33 ของจำนวนผู้โดยสารของทุกสายการบิน ซึ่งเป็นระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของปี 2562 โดย บริษัท การบินไทย มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 12,654 คนต่อวัน และผู้โดยสารของสายการบินไทยสมายล์สูงกว่า 12,000 คนต่อวัน
รวมทั้ง ยังมีรายได้จากการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ทั้งในส่วนของการขนส่งในเที่ยวบินโดยสารตามตารางบินและเที่ยวบินเช่าเหมาลำในเดือนมิถุนายน 2565 จำนวน 2,057 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 เป็นสัดส่วน 44%
2. การปรับลดขนาดองค์กรและต้นทุนบุคลากร
ส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลดลงจาก 29,400 ล้านบาทต่อปี เหลือ 7,920 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วนต้นทุนที่ลดลงประมาณ 73%
3. การปรับปรุงประสิทธิภาพฝูงบินและปรับลดต้นทุนอากาศยาน
โดยปรับลดจำนวนแบบอากาศยานในฝูงบินจาก 9 แบบ เป็น 4 แบบ ลดต้นทุนด้านอากาศยานลง 8,500 ล้านบาทต่อปี
4. จำหน่ายอากาศยานที่ไม่อยู่ในแผนปฏิบัติการบินของบริษัท การบินไทย
ประกอบด้วย อากาศยานแบบโบอิ้ง 737-400 จำนวน 11 ลำ อากาศยานแบบแอร์บัส 340 - 500 จำนวน 1 ลำ แบบแอร์บัส 340 -600 อีก 4 ลำ และมีอากาศยานที่อยู่ระหว่างรอการจำหน่ายจำนวน 18 ลำ
5. การปรับลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงอากาศยาน
โดยการดำเนินการเรื่องการปรับลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงอากาศยาน ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนลง 4,500 ล้านบาทต่อปี
6. การหาประโยชน์จากทรัพย์สินรองที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ
โดยมีรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินรอง ตั้งแต่เข้าสู่ กระบวนการฟื้นฟูกิจการรวมจำนวน 9,258 ล้านบาท โดยบริษัท การบินไทย ยังมีทรัพย์สินรองที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อจำหน่าย ได้แก่ เครื่องบินฝึกจำลองที่ไม่อยู่ในแผนดำเนินงาน อสังหาริมทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้ง ยังมีการหาประโยชน์โดยการให้เช่าพื้นที่สำนักงานใหญ่ ในนส่วนที่ไม่ได้ใช้งานสำหรับการให้บุคคลภายนอกเช่า
7. การติดตามหนี้สินที่เกินกำหนดชำระจากลูกหนี้หน่วยงานภาครัฐ ทั้ง กองบินตำรวจ และกองทัพอากาศ
โดยบริษัท การบินไทย มีเงินสดสุทธิ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ประมาณ 14,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 24 เดือน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 ทำให้ในขณะนี้ บริษัท การบินไทย ยังไม่มีความจำเป็น ต้องจัดหาสินเชื่อใหม่ตามที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการที่ 50,000 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัท การบินไทย ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และคาดว่าจะมีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแก้ไขในเดือนกันยายน 2565
นายธนกร กล่าวว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย อาจทำให้บริษัท การบินไทย สามารถออกจากแผนฟื้นฟูได้เร็วกว่ากำหนดภายในปี 2567 หรือต้นปี 2568 โดยขึ้นอยู่กับการปรับแผนฟื้นฟูที่มีสาระสำคัญ คือ การแปลงหนี้เป็นทุน และนับตั้งแต่การเปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ทำให้การประกอบของ บริษัท การบินไทย ดีขึ้นตามลำดับ
โดยสามารถทำการบินในเส้นทางต่างๆ ทำให้มีรายได้และสภาพคล่องมากขึ้น สามารถลดวงเงินกู้ตามแผนจากเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 5 หมื่นล้าน โดยจะกู้จริงไม่เกิน 1.25 หมื่นล้าน เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจปกติ
ขณะเดียวกันผู้ที่ซื้อตั๋วโดยสารค้างไว้ ยังไม่ได้เดินทาง ก็สามารถใช้สิทธิบินตามตั๋วได้ รวมทั้งการสะสมไมล์ Royal Orchid Plus สะสมไมล์ ยังสามารถแลกเป็นตั๋วเครื่องบินตามสิทธิ์เช่นเดิม