นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการค้า หรือ มินิเอฟทีเอ ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจปูซาน หรือ Busan Economic Promotion Agency (BEPA) สาธารณรัฐเกาหลี ว่า การทำ MOU
วันนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดดำเนินการสร้างความสัมพันธ์ขยายความร่วมมือทางการค้าไปยังประเทศต่างๆ ที่ลงลึกในระดับมณฑลหรือระดับเมืองที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในโลก
ทั้งนี้เกาหลีใต้ถือเป็นพันธมิตรการค้าสำคัญของประเทศไทย เพราะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 10 ของโลก มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีปีที่แล้ว 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเฉพาะการค้าระหว่างไทยกับปูซาน มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 2,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 75,000 ล้านบาทในปี2564 ที่สำคัญท่าเรือปูซานเป็นท่าเรือที่รองรับการส่งออกสินค้าไทยไปยังเกาหลีมากที่สุด
“ การลงนาม MOU ระหว่างกันจะมีความสำคัญทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความสัมพันธ์ที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับปูซานและประเทศเกาหลีในที่สุดต่อไป หวังว่าวันนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ของการค้าระหว่างไทยกับเกาหลีและปูซาน ”
ด้านนายมูน ซึง ฮย็อน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจําประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2022 จะครบรอบ 64 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เกาหลี อีกทั้งยังเป็นปีที่ครบรอบ 10 ปีของการยกระดับ ความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ โดยในปี 2019 มี ชาวเกาหลีกว่า 1.9 ล้านคนเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย
เมื่อพิจารณาถึงมิตรภาพอันยาวนานที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศไว้เช่นนี้ ตนหวังว่าในอนาคตความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลีจะแน่นแฟ้นและมั่นคงมากยิ่งขึ้น เหมือนดังที่การค้าระหว่าง ไทยกับเกาหลีมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว แต่ตนคิดว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีนั้นยัง สามารถพัฒนาได้อีกมากในอนาคต
“การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และสํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจปูซานในวันนี้ เป็นบันใดอีกขั้นหนึ่งในการยกระดับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศให้สูงขึ้น นครปูซานนั้นเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศเกาหลี อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ ทําให้ปูซานมีโครงสร้าง พื้นฐานที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้นครปูซานกับกรุงเทพฯ ยังได้ตกลงเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันตั้งแต่ปี 2011”
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าภายหลังการลงนามในครั้งนี้ มูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังสาธารณรัฐเกาหลีจะเพิ่มขึ้นเป็น 200,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 ถึง พ.ศ. 2567) พร้อมทั้งได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งผลักดันซอฟพาวเวอร์ของไทย ที่มีจุดเด่นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะ และวัฒนธรรม โดยปูซานตั้งเป้าเป็นเมืองอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ จะมีการจัดงานภาพยนตร์นานาชาติและงานแสดงสินค้าเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐเกาหลี เป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองประเทศจะได้ใช้ความร่วมมือด้านการค้าผ่านซอฟพาวเวอร์อย่างเป็นรูปธรรม