แห่โค่นมังคุด ปลูกทุเรียนแทน หลังส่งออกโคม่า

นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 (สวพ.6) กรมวิชาการเกษตร ได้โพสต์เฟซบุ๊ก  ชลธี นุ่มหนู  ระบุว่า   จบฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกท่ามกลางความปลื้มปิติของผู้บริหารบ้านเมืองที่ออกมาแถลงความสำเร็จต่อยอดการส่งออกทุเรียนว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจนเกิดดราม่าในโลกโซเซียลให้เห็นเป็นสีสัน ปีนี้กระแสทุเรียนมาแรงจริงๆ   แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับมังคุดราชินีผลไม้ไทยที่เคยเคียงคู่ส่งออกพร้อมกับทุเรียนแม้ว่าปีนี้จะมียอดส่งออกกว่า 140,000 ตัน

แต่ก็แทบเจียนตาย ออกอาการร่อแร่ไม่แพ้ลำไย จึงไม่แปลกใจที่ปีนี้สวนมังคุดหลายสวนกำลังจะแปรสภาพเป็นสวนทุเรียน วันก่อนขับรถเจอรถบรรทุกไม้ฟืนพบว่าทั้งคันรถเต็มไปด้วยไม้มังคุด น่าเสียดายมากเพราะมังคุดเป็นไม้ผลที่เติบโตช้ากว่าจะมาเป็นสวนมังคุดสร้างรายได้ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ความอดทนพอสมควรแต่เมื่อเป็นสวนมังคุดแล้วจะยั่งยืนไปชั่วลูกหลานเพราะมังคุดไม่ค่อยตายลาโลกไปง่ายๆเหมือนทุเรียน

ปัญหาของมังคุดหลายปีที่ผ่านมาคือความไม่มีเสถียรภาพของราคา วันดีคืนดีอยู่ๆก็ราคาตกวูบไปกว่า 20 บาท ชาวสวนก็กล่าวโทษล้งใหญ่ว่ารวมหัวกันกดราคา อีกปัญหาหนึ่งก็เรื่องไม่มีมาตรฐานในการซื้อขายที่เกิดความเป็นธรรม พอมังคุดมีน้อยก็คัดเกรดน้อยแต่พอมังคุดออกมากเห็นการคัดเกรดแล้วจะบ้าตายลังรอบตัวคนคัดไม่ต่ำกว่า 10 เกรด ปัญหาเรื่องแรงงานเก็บเกี่ยวตอนนี้ต้องบอกว่าค่าแรงเก็บมังคุดแทบแบ่งกำไรกับเจ้าของสวนไปกว่า 50% แล้ว และปัญหาที่สำคัญของมังคุดคือยังไม่มีอุตสาหกรรมแปรรูปรองรับที่เพียงพอต่อผลผลิตที่ส่งออกไม่ได้

ส่วนความสนใจต่อมังคุดของผู้บริหารมีแค่ไหนคงดูได้จากในฟรุ๊ตบอร์ดมีการแต่งตั้งคณะทำงานศึกษาเสถียรภาพแต่ทุเรียนและลำไย ไม่มีมังคุดทั้งๆที่มังคุดมีปัญหามากกว่าทุเรียนด้วยซ้ำแล้วจะทำอย่างไร คงต้องหวังให้ชาวสวนมังคุดร่วมกลุ่มกันให้เข้มแข็งแสดงพลังต่อรองเหมือนทุเรียนและลำไยที่มีการจัดตั้งกันอยู่หลายสมาคม คงถึงเวลาแล้วที่จะมี "สมาคมมังคุดไทย" ขึ้นมาบ้างเพื่อเป็นตัวแทนชาวสวนมังคุดในการผลักดันเรื่องต่างๆให้ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองไปทำงาน แต่งานนี้ต้องมีผู้เสียสละ ถ้าไม่เสียสละชัยชนะไม่เกิด cr.กัปตันวิควิกกี้