เปิดใช้ปี69 ตอกเข็ม2โปรเจ็กต์ยักษ์ “อู่ตะเภา -ไฮสปีดอีอีซี” ตุลา 65

23 ก.ค. 2565 | 05:37 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ค. 2565 | 12:51 น.

อีอีซีสั่งลุยตอกเข็ม2  อภิโปรเจ็กต์ยักษ์  สนามบินอู่ตะเภา-ไฮสปีด ในตุลา 2565 หลังส่งมอบที่ดินให้เอกชนได้ 100% ทั้งสองโครงการ แล้วเสร็จตามแผนปี2569

 

ปี2565เป็นต้นไปจะเป็นปีทองของ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)หรือEEC    หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย รัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศดึงต่างชาติเข้าประเทศเต็มรูปแบบ ล่าสุดภายในเดือนตุลาคม 2565 นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  ได้ออกมายืนยันว่า โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ 4 โครงการ สามารถดำเนินไปได้ตามแผน

 

 

 

 

โดยเฉพาะ โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)หรือไฮสปีดเทรน มูลค่า 2.24แสนล้านบาทระยะทาง 220กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ส่งมอบพื้นที่ 100%ให้กับบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัดเครือซีพี ผู้รับสัมปทาน  และสนามบินอู่ตะเภา เมืองการบินภาคตะวันออก เอกชนสามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้าง ได้

 

 นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า เตรียม ออกหนังสือส่งมอบที่ดินให้กับเอกชนที่ชนะการประมูลในโครงการ (NTP) เพื่อจะก่อสร้างในเดือน ตุลาคม2565 ได้แก่

 

 

 

1.โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ส่งมอบพื้นที่ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา งานสาธารณูปโภครื้อเสร็จและรฟท. ได้พื้นที่ครบ 100% เอกชนเข้าพื้นที่เตรียมก่อสร้าง เช่น งานสร้างถนน งานก่อสร้างโรงหล่อชิ้นงานโครงสร้าง ดำเนินการแล้วเสร็จ และเริ่มก่อสร้างต่อเนื่อง โดยส่วนเชื่อมสุวรรณภูมิ ถึงอู่ตะเภา คาดว่าจะเปิดบริการปี 2569

 

 

 

 2.โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ส่วนภาครัฐ กองทัพเรือได้ออกแบบทางวิ่งที่ 2 เสร็จเรียบร้อย งานปรับถมดินลานจอดศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแล้วเสร็จ 100% และงานปรับถมดินทางวิ่งที่ 2 ก้าวหน้าเกิน 80% และเอกชนคู่สัญญาเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจและเตรียมก่อสร้างแล้วตามแผนงาน

 

 

ในส่วนของรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ EHIA ผ่านความเห็นชอบคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมจัดทำประชาพิจารณ์ในเดือนสิงหาคม และการปรับปรุงรายงานเพื่อนำเสนอ ครม. เดือนกันยายน 2565

 

 

โดยการก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568 ซึ่งจะสอดคล้องกับฟื้นตัวการเดินทางทางอากาศเพื่อท่องเที่ยวทั่วโลก ที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องหลังจากนี้ ภายหลังสถานการณ์โควิด 19 เริ่มคลี่คลาย

“ได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว่าการทำหนังสือส่งมอบที่ดิน หรือ NTP ในเดือน ต.ค.นี้ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญที่รัฐบาลสามารถผลักดันโครงการขนาดใหญ่ที่สำคัญในอีอีซีสองโครงการให้ไปสู่การเริ่มต้นก่อสร้าง และทั้งสองโครงการมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2569 รัฐบาลอาจจะมีการจัดงานคิกออฟทั้งสองโครงการนี้พร้อมกันเพื่อให้เห็นถึงความคืบหน้าของโครงการสำคัญในพื้นที่อีอีซี” นายคณิศกล่าว