นายสุธาศิน อมฤก (บังจู) นายกสมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย และประธานกลุ่มผู้ค้าไข่ไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตลาด “ไข่เป็ด” สภาวะไม่มีตัวเป็ดเลี้ยง เกษตรกร ไม่กล้าลงเป็ด เพราะมีค่าใช้จ่ายต้นทุนสูง และตัวเป็ดก็แพง เป็นเกษตรกรแค่ชาวบ้าน ส่วนรายใหญ่สุด ก็เป็นแค่เกษตรกร ทำให้วันนี้ปริมาณไข่เป็ดน้อยมาก เพราะไม่เลี้ยง แต่ไข่เป็ดก็ไม่ขาดตลาด เพราะเป็นสินค้าทางเลือก ชาวบ้านไม่ได้สนใจ ส่งโรงงานดอง (ไข่เยี่ยวม้า) อย่างเดียว
"สมาคมผู้เลี้ยงเป็ดไข่ แจ้งประกาศราคาไข่เป็ดขึ้น 10 สตางค์ เป็นราคา 4.80 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565"
ส่วน “ไข่ไก่” ทาง 4 สหกรณ์ ประกอบด้วยสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด,สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด ,สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ประกาศแจ้งราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มเกษตรกร วันที่ 3 สิงหาคม 2565 ราคาแนะนำไข่ไก่คละอยู่ที่ฟองละ 3.50 บาท (น้ำหนัก 20.5 กิโลกรัมขึ้นไป) ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงราคาจะแจ้งให้ทราบภายหลัง
"มีผลทำให้ไข่ไก่คละ และไข่ไก่เบอร์ ทุกเบอร์ ปรับขึ้นอีก 3 บาท/แผง ซึ่งปัจจุบันปริมาณไข่ไก่มีไม่น้อย แต่ได้อานิสงส์จากเพื่อนบ้าน (กัมพูชา) ที่ยังรับเข้าอยู่ แต่ประเมินแล้วคาดจะแผ่วเนื่องจากราคาค่อนข้างสูงแล้ว ก็ต้องลุ้นหลังจากนี้ว่าเพื่อนบ้านจะรับไหวไหม ถ้ารับราคาไม่ได้ก็ตัวใครตัวมัน"
แหล่งข่าวเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้ เผยว่า เกษตรกรจะล่มสลาย ต่อไปจะไม่มีไข่ไก่กิน วันนี้อาหารแพงมาก แล้วการที่ขายแพง ก็เพราะต้องการไปซื้ออาหารสัตว์ให้ไก่กิน หากไม่ปรับราคา ก็สู้ไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเลิกเลี้ยง พอเลิกเลี้ยงมากขึ้น ท้ายสุดก็จะไม่มีไข่ไก่รับประทาน พวกที่มีทุนยาวก็อยู่ได้ พวกรายย่อยไม่มีทุนยาวอยู่แล้ว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางภาคใต้ต้นทุนค่าขนส่งสูงกว่า วัตถุดิบอาหารก็สูงกว่าภาคอื่น ของทุกอย่างต้องบรรทุกมาจากภาคกลาง
ได้มีการปรับราคาแนะนำไข่ไก่เบอร์แล้ว ดังนี้
เบอร์ 0 ฟองละ 4.10 บาท
เบอร์ 1 ฟองละ 3.90 บาท
เบอร์ 2 ฟองละ 3.80 บาท
เบอร์ 3 ฟองละ 3.70 บาท
เบอร์ 4 ฟองละ 3.60 บาท
เบอร์ 5 ฟองละ 3.40 บาท
ราคาแนะนำไก่ปลด 42-45 บาท/กิโลกรัม น้ำหนักไก่ 2 กิโลกรัม ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงราคา ผู้เลี้ยงไก่ไข่ภาคใต้จะแจ้งให้ทราบต่อไป