นายณฤกษ์ มางเขียว รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เผยว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับสุขภาพของผู้บริโภคเป็นอันดับแรก การผลิตอาหารของบริษัทจึงมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
เริ่มจากอาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงงานผลิต บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนการขนส่ง โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัย จนได้อาหารปลอดภัย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะ ไส้กรอก ซึ่งเป็นอาหารยอดนิยมของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ด้วยรสชาติที่อร่อย และให้คุณค่าทางโภชนาการโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ทั้งยังสะดวกและง่ายต่อการรับประทาน ตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน
สำหรับวัตถุดิบเนื้อสัตว์ที่ใช้ในการผลิต เป็นเนื้อสัตว์คุณภาพดีเต็มชิ้น เนื้อหมูปราศจากสารเร่งเนื้อแดง เนื้อไก่ปราศจากฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต เป็นเนื้อสัตว์ที่ได้จากการเลี้ยงตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในยุโรป โดยนำเนื้อสัตว์มาบด ผสมกับเครื่องปรุงรสชั้นดี จึงได้ไส้กรอกที่อุดมไปด้วยแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์เต็มคำ และมีรสชาติอร่อยถูกปากผู้บริโภค
"กระบวนการผลิต ตั้งแต่ขั้นตอนการรับวัตถุดิบและจัดเก็บในห้องเย็นซึ่งเป็นห้องจัดเก็บและเบิกจ่ายวัตถุดิบแบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณภาพสินค้าสดใหม่เสมอ จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการทำให้สุกด้วยการอบและรมควัน โดยระบบรมควัน ใช้เทคโนโลยีในการดักแยกสารทาร์ (TARS) ที่มีองค์ประกอบของสารก่อมะเร็งออกจากไส้กรอกได้ 100% จากนั้นสินค้าที่แยกสารทาร์ออกแล้วจะถูกนำมาตรวจอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อการบริโภค"
ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ไส้กรอก CP อยู่ภายใต้การควบคุมการผลิตตามมาตรฐานการส่งออกของกรมปศุสัตว์ และหลักเกณฑ์สุขลักษณะที่ดีในการผลิตของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผลิตภัณฑ์ก่อนส่งมอบเพื่อจำหน่ายต่อผู้บริโภค ต้องผ่านการตรวจจับการปนเปื้อนโลหะ และตรวจวิเคราะห์ส่วนผสมที่สำคัญในห้องปฏิบัติการอย่างเข้มงวด ไม่มีการใช้สารกันเสีย ดินประสิว และสารไนเทรต สำหรับสารโซเดียมไนไทรต์มีความจำเป็นในการช่วยตรึงสภาพสีของเนื้อไส้กรอกให้คงอยู่ จึงมีการใช้ในปริมาณต่ำกว่าที่ อย. กำหนด ซึ่งเป็นการยืนยันว่าไส้กรอก CP ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ เป็นชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Multi-layer thermoforming film) เป็นวัสดุเฉพาะป้องกันการซึมผ่านของออกซิเจน ช่วยรักษาความสดของอาหาร ร่วมกับกระบวนการบรรจุอัตโนมัติ ช่วยลดการปนเปื้อนระหว่างบรรจุ ทำให้สามารถรักษาคุณภาพไส้กรอกได้ตลอดอายุการเก็บรักษา โดยไม่ต้องใช้สารกันเสีย นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ยังทนความร้อน สามารถนำเข้าในไมโครเวฟได้ โดยมีผลจากห้องปฏิบัติการรับรองความปลอดภัย ผลิตภัณฑ์มีการระบุข้อมูลที่จำเป็นสำหรับผู้บริโภคอย่างชัดเจนและโปร่งใสบนฉลากอาหาร ได้แก่ เลขสารบบอาหาร สถานที่ผลิต ส่วนผสมที่สำคัญ ข้อมูลสำหรับผู้แพ้อาหาร วันผลิตและวันหมดอายุ
“การเลือกซื้อไส้กรอกแก่ผู้บริโภคว่า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสีธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์ต้องปิดสนิท มีฉลากระบุ วันผลิต วันหมดอายุ และสถานที่ผลิตอย่างชัดเจน มีเลขสารบบอาหารและมีเครื่องหมาย อย. ที่สำคัญขั้นตอนการเก็บรักษาหลังจากซื้อผลิตภัณฑ์ ควรเก็บรักษาในอุณหภูมิที่มีความเย็นตลอดเวลา ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 6 องศาเซลเซียส ผลิตภัณฑ์ที่อุ่นแล้วควรรับประทานให้หมดในครั้งเดียว ผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากการแบ่งอุ่นนั้น ควรมีการจัดเก็บในอุณหภูมิที่มีความเย็นและปิดปากถุงหรือภาชนะให้สนิท และควรรับประทานให้หมดภายใน 1–2 วัน” นายณฤกษ์ กล่าว