นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 กันยายน 2565 นี้ จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตครั้งแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ผ่านความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(อบก.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดย อบก. จะทำหน้าที่ในการออกกฎเกณฑ์ของแพลตฟอร์มดังกล่าว และทางสภาอุตฯ จะเป็นผู้ดำเนินการประสานงานจัดหาผู้ประกอบการเพื่อเข้าร่วมโครงการ
ส่วนเป้าหมายผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการในระยะแรก จะมีการหารือกับทางสภาอุตฯ อีกครั้งหนึ่ง แต่ในความตั้งใจนั้น ต้องการให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด และจากความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ไทยมีตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต
ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะก่อนหน้านี้ไทยได้มีการลงนามในข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส และทำให้ทั้ง 2 ประเทศสามารถถ่ายโอนคาร์บอนเครดิตร่วมกันเป็นคู่แรกของโลก
ด้านความร่วมมือกับทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย เข้าดำเนินการตรวจสอบปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ และขั้นตอนการผลิตว่ามีปริมาณเท่าใดนั้น
ขณะนี้ทาง อบก.มีทีมงานที่สามารถดำเนินการตรวจสอบ และประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับภาคเอกชนได้ เพียงแต่ต้นทุนในการตรวจสอบยังสูง เนื่องจากเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมการตรวจสอบยังมีจำนวนน้อย ดังนั้นต้องขอขอบคุณทาง สสว. ที่จะช่วยจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือเอสเอ็มอีในโครงการนี้
โดยประโยชน์ที่เอสเอ็มอีจะได้รับจากโครงการนี้คือ การรับรู้ว่าปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์มีจำนวนเท่าใด เพื่อหาแนวทางและระยะเวลาในการลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และลดผลกระทบกับการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ
โดยเฉพาะในแถบยุโรป ที่บังคับใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) ที่กำหนดว่าหากสินค้าที่ส่งออกไปยังยุโรปนั้น มีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ภาษีของสินค้าชนิดนั้นจะเพิ่มขึ้น
///