อสม.- อสส. เฮ รอรับค่าตอบแทนคนละ 2,000 บาท “อนุทิน” ชง ครม. ของบพรุ่งนี้

26 ก.ย. 2565 | 04:57 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2565 | 12:02 น.

อสม. - อสส. กว่า 1.05 ล้านคน เฮ “อนุทิน” เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย ให้คนละ 2,000 บาท สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19 ช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2565

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 27 กันยายน 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จะเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 2,100.61 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 1,039,729 คน และ อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) จำนวน 10,577 คน รวม 1,050,306 คน ช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน 2565 รวม 4 เดือน ในอัตรา 500 บาทต่อคนต่อเดือน รวมเป็น 2,000 บาทต่อคน  

ทั้งนี้ เงินดังกล่าวเป็นค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย และสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของ อสม. และอสส. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด-19  ในชุมชนในช่วงระยะเวลาที่โควิด19 ยังคงเป็นโรคติดต่ออันตราย  

 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจ่ายค่าตอบแทนแก่ อสม. และอสส. ตามนโยบายที่ รมว.สาธารณสุขได้ให้ไว้ว่าจะดูแล อสม. อสส. ไปจนกว่าโควิดจะหมดไป เนื่องจากช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด อาสาสมัครมีภารกิจมากขึ้น ซึ่งจะต้องไม่เป็นภาระที่อาสาสมัครต้องจ่ายเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถส่งยา ค่าวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ค่าเดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วย และ เก็บข้อมูลสุขภาพประชาชน 

 

ทั้งนี้ หาก ครม. อนุมัติงบประมาณในครั้งนี้ จะเป็นการสนับสนุน อสม. และ อสส. รวมแล้วเป็นเวลา 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ มีนาคม 2563 – กันยายน 2565 โดยรองนายกรัฐมนตรียังได้ขอบคุณอาสาสมัครทุกคนที่ได้ร่วมกันทำงานต่อสู้กับโควิดจนสำเร็จ

อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาดของโควิด19 ในประเทศไทย อสม. และ อสส. นับเป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ จนประเทศไทยสามารถต่อสู้กับโรคระบาดได้สำเร็จ และตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป โควิด-19 ได้ลดระดับจากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง 

 

โดย อสม. และ อสส. จะยังคงเป็นกำลังสำคัญในการเตรียมความพร้อมประเทศเข้าสู่ระยะ Post - pandemic  อาทิ การปรับตัวเพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ การดำเนินงานตามมาตรการของชุมชนเพื่อให้ชุมชนปลอดภัย