thansettakij
“ดีอี” ยกระดับบริการเพิ่มขีดความสามารถ ดันไทยสู่รัฐบาลดิจิทัล

“ดีอี” ยกระดับบริการเพิ่มขีดความสามารถ ดันไทยสู่รัฐบาลดิจิทัล

18 มี.ค. 2568 | 08:48 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มี.ค. 2568 | 08:48 น.

กระทรวงดีอีเดินหน้ายกระดับบริการเพิ่มขีดความสามารถ ลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความรวดเร็ว ดันไทยขึ้นแท่นสู่รัฐบาลดิจิทัล

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการยกระดับวางรากฐานสำคัญ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของประเทศไทย รวมถึงเดินหน้าปรับเปลี่ยนภาครัฐสู่รัฐบาลดิจิทัล ผ่านนโยบาย Cloud First Policy, e-Office และระบบ Paperless เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน เพิ่มความรวดเร็ว และยกระดับบริการภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ล่าสุดได้ดำเนินโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด เพราะทุกคนสำคัญ ทุกข้อมูลมีความหมาย ร่วมสร้างอนาคตไทยให้ดีขึ้น Everyone Counts, Everyone Matters โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) หน่วยงานภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทุกคนรวมถึงชาวต่างชาติที่พำนักในไทยตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ร่วมให้ข้อมูลกับสำนักงานสถิติแห่งชาติผ่านช่องทางออนไลน์

“หนึ่งในภารกิจสำคัญของปีนี้ คือ โครงการสำมะโนประชากรและเคหะ โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลจากวิธีดั้งเดิม (Traditional Census) เป็นรูปแบบดิจิทัล (Digital Census) ซึ่งประชาชนสามารถตอบแบบสอบถามผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นลำดับแรก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการให้ข้อมูล”

“ดีอี” ยกระดับบริการเพิ่มขีดความสามารถ ดันไทยสู่รัฐบาลดิจิทัล “ดีอี” ยกระดับบริการเพิ่มขีดความสามารถ ดันไทยสู่รัฐบาลดิจิทัล

สำหรับการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียม และทำให้ภาครัฐจัดสรรทรัพยากรให้ตรงกับความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น

นายภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวในการบรรยายพิเศษหัวข้อ Everyone Counts : สำมะโนประชากรและเคหะ 2568 ว่า ปี 68 สำนักงานสถิติแห่งชาติกำลังดำเนินโครงการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน นั่นคือ โครงการสำมะโนประชากรและเคหะ ซึ่งจะเก็บข้อมูลของทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย 

 

รวมถึงคนไทยที่ไปต่างประเทศชั่วคราว เจ้าหน้าที่ในต่างประเทศ และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในไทยตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยจะเก็บข้อมูลพื้นฐาน เช่น เพศ อายุ สัญชาติ การศึกษา การทำงาน และข้อมูลที่อยู่อาศัย 

“ข้อมูลสำมะโนประชากรมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงกับความเป็นจริง ในครั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติได้ปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น เรียกว่า Digital Census โดยประชาชนสามารถตอบแบบสอบถามได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 68”