นายกฯติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5  แม้สถานการณ์ดีขึ้น

20 มี.ค. 2568 | 09:56 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มี.ค. 2568 | 10:02 น.

นายกฯติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5  แม้สถานการณ์ดีขึ้น สถานการณ์ดีขึ้น พร้อมย้ำเตรียมรับมือ ช่วง 60 วันอันตราย              

 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าติดตามความสำเร็จการดำเนินงานรับมือและบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ณ ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) อาคารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงฯ ให้การต้อนรับเมื่อวันที่19 มีนาคม 2568  ที่ผ่านมา

 นายกรัฐมนตรีได้รับฟังผลการรับมือและการบริหารจัดการสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 จากนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ โดยได้รายงานการดำเนินงานตามนโยบายและข้อสั่งการ ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์จุดความร้อนทั่วประเทศลดลงกว่า16% และสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 บรรเทาลง

การจัดการไฟในพื้นที่ป่า ทส. ได้รับจัดสรรงบกลางเพื่อใช้ในการบริหารจัดการในพื้นที่ป่ารวม 620 ล้านบาท เพื่อลาดตระเวน ตั้งจุดเฝ้าระวัง และดับไฟป่า ลงพื้นที่แบบเคาะประตูบ้านสร้างความเข้าใจ “ห้ามเผาป่า” กับชุมชนโดยรอบพื้นที่ป่า

ส่งผลให้จุดความร้อนในพื้นที่ป่าลดลงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา การจัดการในพื้นที่เกษตร ภายหลังการสั่งห้ามเผาเด็ดขาด พบว่าจุดความร้อนในพื้นที่นาข้าวลดลง จุดความร้อนในพื้นที่ปลูกข้าวโพดลดลงร้อยละ 22 มาตรการงดรับอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ มีปริมาณอ้อยไฟไหม้เข้าหีบ ลดลงเหลือร้อยละ 14 (ปีที่ผ่านมาร้อยละ 29) และการควบคุมฝุ่นละอองในพื้นที่เมือง

จัดให้มีเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone) ห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 6 ล้อที่ไม่ได้ขึ้นบัญชีสีเขียว เข้าพื้นที่ในช่วงวิกฤตฝุ่น ยกระดับมาตรฐานค่าควันดำรถยนต์และรถโดยสารจากเดิมไม่เกินร้อยละ 30 เป็นไม่เกินร้อยละ 20 ปลดล็อคระยะเวลาการปรับปรุงควันดำจากภายใน 30 วันเหลือ 15 วัน และปรับปรุงมาตรการห้ามใช้รถควันดำเด็ดขาด รวมถึงการปรับปรุงมาตรฐานสำหรับรถยนต์เบนซินขนาดเล็กเป็นยูโร 6 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568

การจัดการหมอกควันข้ามแดน ได้ขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านผ่านสำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEC) และสถานฑูตไทยในเมียนมา รวมทั้งเปิด hot line ไทย ลาว เมียนมา ระดับอธิบดี และความร่วมมือผ่านคณะกรรมการชายแดน

ส่งผลให้จุดความร้อนประเทศเพื่อนบ้านลดลงจากปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้วประเทศไทยมีจุดความร้อนลดลงจาก 2 ปีที่ผ่านมา และสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ดีกว่าปีที่ผ่านมา ในส่วนของกรุงเทพมหานครถือว่าพ้นภาวะวิฤกติแล้ว และแม้ว่าฝุ่นละออง PM2.5 ยังเป็นปัญหาในพื้นภาคเหนือแต่จำนวนวันที่ PM2.5 อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพลดลงกว่าปีที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังคงพบมากในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีการพัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนในประเทศทุกหน่วยงานมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทั้ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอื่นๆ ทำให้ปีนี้ค่าฝุ่นควันเราลดลงอย่างมาก

ซึ่งทำให้จุดความร้อนทั่วประเทศลดลง 16% และบางพื้นที่ลดลง 20% เป็นผลมาจากมาตรการเชิงรุก รวมถึงการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ในเรื่องของการเผา และการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ในช่วง 60 วันต่อจากนี้ ที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่าเป็น 60 วันอันตราย ฝุ่นควันจะมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากน้ำฝนจะลดลง รัฐบาลได้เน้นย้ำให้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่

ให้เตรียมรับมือสถานการณ์ ให้กระทรวงสาธารณะสุขดูแลและจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตน สำหรับผู้มีความเสี่ยง โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ผ่านมาครม. ได้อนุมัติงบกลาง 620 ล้านบาท ให้กับกระทรวงทรัพยากรฯ ทำให้การเกิดจุดความร้อนลดลงอย่างเห็นได้ชัด และทั้งหมดเป็นแผนงานที่ทราบและเตรียมการไว้ ดังนั้น จึงต้องวางเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณ และเมื่อมีการวางแผนเรื่องงบประมาณ เชื่อว่าจะจัดการได้ดีในปีต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ปัญหาฝุ่นควันถูกยกเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักที่จะดูแลเรื่องนี้ สุดท้ายนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนร่วมประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านในระดับผู้บริหารและอธิบดี เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในภูมิภาค ทั้งนี้ ประชาชนมั่นใจได้ว่าปัญหาฝุ่นควันกำลังได้รับการดูแลอย่างจริงจัง พร้อมทั้งมีมาตรการรองรับและเตรียมความพร้อมเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในทุกพื้นที่ของประเทศ