นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) อยู่ระหว่างการจัดทำแผนรับมือน้ำช่วงฤดูฝนปี 2568 นำเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ (กนช.) วันที่ 9 เม.ย. 68 เพื่อออกเป็นมาตรการเพิ่มเติม และการขอใช้งบประมาณเพื่อรับมือ
ขณะที่สถานการณ์เอลนีโญ/ลานีญาปี 68 ปัจจุบันอยู่ในสภาวะที่เป็นกลาง โดยฤดูฝนปีนี้จะมาเร็วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป และแนวโน้มจะมีปริมาณมาก
โดยวันที่ 22 มี.ค. ของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวันน้ำโลก (World Water Day) เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของน้ำต่อการดำรงชีวิตและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยในปีนี้ได้เน้นให้เห็นถึงวิกฤตภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นกับธารน้ำแข็งซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำจืดธรรมชาติที่สำคัญที่สุดของโลก
ซึ่งขณะนี้กำลังละลายอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของประชากรโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เนื่องจากการละลายของธารน้ำแข็งทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ เช่น กรุงเทพมหานครและพื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทย
“สทนช.” จ่อทำแผนรับมือน้ำช่วงฤดูฝนปี 2568 เสนอ กนช. 9 เม.ย. 68
ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดทั้งภัยแล้งและอุทกภัยที่รุนแรงและถี่ขึ้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทรัพยากรน้ำ การเกษตร และความเป็นอยู่ของประชาชน
“การอนุรักษ์และบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนจึงเป็นวาระเร่งด่วนที่มีความสำคัญระดับโลก ไทยเองก็มีการจัดวันน้ำโลกประจำปี พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิดน้ำคือชีวิต การอนุรักษ์น้ำและธารน้ำแข็งเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสอดรับกับประเด็น “Glacier Preservationหรือการอนุรักษ์ธารน้ำแข็งที่องค์การสหประชาชาติ (UN) กำหนด“
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างสุดขั้ว โดยเลขาธิการสหประชาชาติได้แถลงเตือนเมื่อปี 2566 ว่า โลกได้สิ้นสุดจากภาวะโลกร้อนเข้าสู่ยุคของภาวะโลกเดือด หรือ Global Boiling แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบที่สำคัญหลายประการ ทั้งการละลายของธารน้ำแข็งรวดเร็วยิ่งขึ้น การเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเล ผลกระทบจากน้ำท่วมน้ำแล้งมีความรุนแรงขึ้น คุณภาพน้ำและระบบนิเวศเสื่อมโทรมลง ซึ่งถือเป็นปัญหาและความท้าทายด้านน้ำที่นานาประเทศทั่วโลกต้องเผชิญ
โดยในช่วงปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยต้องประสบกับสภาวะเอลนีโญและลานีญาที่ส่งผลต่อการเกิดภัยแล้งและอุทกภัยอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น เช่น การเกิดภัยแล้งรุนแรงในปี 2557 การเกิดพายุไต้ฝุ่นยางิซึ่งเป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่นในปี 2567 การตรวจค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่พบสถิติสูงสุดเท่าที่เคยเกิดในปี 2564 จากน้ำทะเลหนุน
รวมถึงปีนี้ที่ประเทศไทยยังคงประสบกับสภาวะลานีญาและคาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงเดือนเมษายนนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี เพื่อรับมือกับผลกระทบด้านทรัพยากรน้ำต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ สทนช. ได้กำหนดแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี สำหรับเป็นกรอบแนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาทรัพยากรน้ำของประเทศ รวมถึงส่งเสริมมาตรการประจำปีเพื่อบรรเทาภัยที่อาจเกิดขึ้นจากบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยในฤดูแล้งนี้ สทนช. ร่วมกับทุกภาคส่วนได้ขับเคลื่อน 8 มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/2568 อย่างเคร่งครัด
และดำเนินการตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ล่วงหน้า โดยเน้นการทำงานเชิงรุกเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ ยังได้ขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำระหว่างประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย - แม่น้ำรวก ลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำสาละวิน ลุ่มน้ำโตนเลสาบ ลุ่มน้ำโก - ลก รวมถึงได้สร้างความร่วมมือด้านน้ำระหว่างประเทศ องค์กรระดับโลกและภูมิภาคที่สำคัญ และยังจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรและส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านน้ำในระดับภูมิภาคด้วย