thansettakij
รฟท.ส่งหนังสือขอให้อัยการ ฟ้องคดีรุก"เขากระโดง" 995แปลง  

รฟท.ส่งหนังสือขอให้อัยการ ฟ้องคดีรุก"เขากระโดง" 995แปลง  

21 มี.ค. 2568 | 10:02 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มี.ค. 2568 | 10:29 น.

ศึกข้อพิพาท กรมที่ดิน -รฟท. ยังระอุ ส่งหนังสือถึงอัยการ ฟ้อง คดีรุกเขากระโดง 995แปลง 5,083ไร่ หลังกรมที่ดิน ยันออกไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์  

 

เมื่อวันที่21มีนาคม 2568 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหนังสือ ถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอความอนุเคราะห์รับดำเนินคดีแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยให้เหตุผลว่าด้วยรฟท.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตั้งแต่ส่วนแยกจากสถานีรถไฟ บุรีรัมย์ไปจนถึงเขากระโดง รวมระยะทาง 4 กิโลเมตร

เขากระโดง เขากระโดง

เนื้อที่รวมประมาณ 5,083ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลเสม็ด และตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นที่ดินที่กรมรถไฟหลวงสำรวจและจัดซื้อตาม พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ลงประกาศวันที่ 9 พฤศจิกายน  2463 พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี

ลงประกาศวันที่ 25 พฤศจิกายน 2464 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่าง อื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง ลงประกาศวันที่ 22ธันวาคม 2465ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็น "ที่ดินรถไฟ” ตามมาตรา3 (2) แห่งพระราชบัญญัติ จัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช 2464

 

ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมรถไฟแผ่นดิน ตามมาตรา 25 และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ห้ามมิให้ประชาชนเข้ายึดถือหรือครอบครองรวมทั้งโต้แย้งสิทธิใดๆ กับการรถไฟแห่งประเทศไทย

เว้นแต่จะได้มีประกาศหรือกฎหมายตาม พระราชกระแสว่าขาดจากการเป็นที่ดินรถไฟแล้ว เมื่อที่ดินของกรมรถไฟโอนเป็นกรรมสิทธิ์แก่การรถไฟ แห่งประเทศไทยตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงเป็น ผู้ถือกรรมสิทธิ์และได้รับความคุ้มครองตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว

ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในบริเวณที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยข้างต้นนั้น กรมที่ดินได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยมิชอบ จำนวนมาก

เมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ใช้สิทธิทางศาลฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ขับไล่และเรียกค่าเสียหายแก่ผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว และการรถไฟ แห่งประเทศไทยยังใช้สิทธิคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินจำนวน 40 แปลงของราษฎร จำนวน 35 ราย

ศาล ได้มีคำพิพากษาให้การรถไฟแห่งประเทศไทยชนะคดีโดยให้ผู้ครอบครองที่ดินโดยมิชอบนั้นชำระค่าเสียหายและ ออกจากที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ส่วนที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดิน ศาลก็ได้มีคำพิพากษาให้ การรถไฟแห่งประเทศไทยขณะคดี

เป็นเหตุให้กรมที่ดินระงับการออกโฉนดที่ดินทั้งหมด โดยตามคำพิพากษา ศาลฎีกาที่ 846 – 876/2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่  8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111//2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ศาลได้มีคำพิพากษาแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน บริเวณแยกเขากระโดงว่าเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย

ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ขอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิที่ดินแปลงอื่นๆ นอกเหนือจากทีมีข้อพิพาท แต่กรมที่ดินไม่ดำเนินการ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงได้ยื่นฟ้องกรมที่ดินและ อธิบดีกรมที่ดินต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งศาลปาครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่  2494/ 2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ว่าที่ดินบริเวณแยกเขากระโดงตามคำพิพากษาศาลฎีกาทั้งสองคดีและ

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และมีคำพิพากษาให้อธิบดี กรมที่ดินแต่งตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อดำเนินการเพิกถอนเอกสาร แสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป

ภายหลังที่มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการตามมาตรา61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ร่วมกับสำนักงาน ที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์สำรวจทำแผนที่ยืนยันแนวเขต แต่ขณะอยู่ระหว่างดำเนินการ อธิบดีกรมที่ดินกลับมีคำสั่ง

ไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินและสั่งยุติเรื่อง โดยเห็นว่าหากการรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่ามีสิทธิใน ที่ดินดีกว่าก็เป็นเรื่องที่การรถไฟแห่งประเทศไทยจะต้องไปดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิในกระบวนการยุติธรรม ทางศาลต่อไป

เหตุนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงมีความจำเป็นต้องยื่นฟ้องคดีต่อผู้ที่ครอบครองที่ดินที่ กรมที่ดินได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินโดยไม่ขอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟ แห่งประเทศไทยต่อไป

โดยขณะนี้เท่าที่ได้ตรวจสอบตามเอกสารของกรมที่ดิน มีการออกเอกสารแสดงสิทธิ ในที่ดินทั้งโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จำนวน  995 ฉบับ ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวกับชื่อผู้ถือเอกสารสิทธิและลักษณะการใช้ประโยชน์ของที่ดินแต่ละแปลงนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทยจะได้รวบรวมและ จัดทำบัญชีรายละเอียดส่งมอบให้ท่านต่อไป

การรถไฟแห่งประเทศไทยขอเรียนว่าที่ดินบริเวณแยกเขากระโดงนั้นเป็นที่ดินของการรถไฟ แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐเพื่อกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย อันจะสามารถนำมาใช้เป็น ประโยชน์ให้กับประชาชนทั่วไปได้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ใช้ความพยายามเรียกคืนที่ดินดังกล่าวมาโดยตลอด

แต่เนื่องจากมีผู้ครอบครองที่ดินเป็นจำนวนมากและบางคนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลง สภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินไปในทางแสวงหากำไรเชิงพาณิชย์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ

การนำที่ดินของรัฐไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตนย่อมมีผลกระทบต่อรัฐและความรู้สึกของประชาชนอย่างกว้างขวางและเป็นคดีที่มีการนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นคดีที่มีความสำคัญที่อัยการ สูงสุดจะโปรดรับไว้ดำเนินคดีแทนการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ ตามข้อ 9 ของระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีแพ่งของพนักงานอัยการ พ.ศ.2560

เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทยมีบุคลากรไม่ เพียงพอที่จะดำเนินคดีได้ จึงขอความอนุเคราะห์มายังอัยการสูงสุดได้โปรดรับดำเนินคดีแทนการรถไฟแห่ง ประเทศไทย โดยยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อน

ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้ถือเอกสารสิทธิ์และผู้ยึดถือครองครองใน ที่ดินบริเวณดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยได้มอบหมายให้บุคคลดังต่อไปนี้เป็นผู้ ประสานงานคดี

เพื่อการนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดทำคำชี้แจงข้อเท็จจริง จำนวน 1 ชุด พร้อม เอกสารที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณาด้วยแล้ว ตามเอกสารสิ่งที่ส่งมาด้วย จึงกราบเรียนเพื่อโปรดให้ความอนุเคราะห์ และขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง