"ญี่ปุ่น" ครองแชมป์ลงทุนในไทย ภาคเอกชนร่วมลงทุน 1.3 หมื่นล้านบาท

23 มี.ค. 2568 | 02:46 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มี.ค. 2568 | 02:55 น.

รัฐบาล เผยนักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นประเทศไทยลงทุน 2 เดือนแรก เงินสะพัด 3.5 หมื่นล้าน โต 33% ญี่ปุ่นครองแชมป์ลงทุนอันดับหนึ่ง

วันนี้ 23 มีนาคม 2568  นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานตัวเลขการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มีจำนวน 181 ราย เพิ่มขึ้น 68% ในช่วง 2 เดือน ปี 2568 (มกราคม - กุมภาพันธ์) เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 41 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 140 ราย เงินลงทุนรวม 35,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% และจ้างงานคนไทย 1,344 คน เพิ่มขึ้น 140%

 

โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  • ญี่ปุ่น 38 ราย คิดเป็นร้อยละ 21 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 13,676 ล้านบาท
  • จีน 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 5,113 ล้านบาท
  • สิงคโปร์ 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 13 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,490 ล้านบาท
  •  สหรัฐอเมริกา 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,372 ล้านบาท
  • ฮ่องกง 16 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย มีเงินลงทุน 1,587 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในช่วง 2 เดือน มีจำนวน 57 ราย คิดเป็นร้อยละ 31 ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 63% มีมูลค่าการลงทุน 17,546 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจาก ญี่ปุ่น 19 ราย ลงทุน 8,096 ล้านบาท จีน 14 ราย ลงทุน 2,751 ล้านบาท สิงคโปร์ 8 ราย ลงทุน 2,191 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 16 ราย ลงทุน 4,508 ล้านบาท

  นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์

“การเข้ามาประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมข้างต้น มีส่วนช่วยในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาค โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับแรงงานไทย เพื่อเสริมสร้างโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” นางสาวศศิกานต์ กล่าว.