วันนี้ (26 มีนาคม 2568) ที่รัฐสภา นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้ส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) กลับมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนนำเสนอเข้าไปยังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
"ตอนนี้ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าประมาณหนึ่งสัปดาห์ ต้องรอว่าสลค. จะบรรจุวาระเข้าครม.เมื่อใด เพราะที่ผ่านมาร่างดังกล่าวถูกส่งมาให้ทางกระทรวงการคลังยืนยัน และรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว" นายจุลพันธ์ ระบุ
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ ได้จัดทำความเห็นประกอบการพิจารณาต่อร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ส่งมายังสลค. แล้วหลายหน่วยงาน รอเพียงแค่กระทรวงการคลัง ยืนยันร่าง พ.ร.บ. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตรวจสอบและเปิดรับฟังความคิดเห็นเท่านั้น ซึ่งถ้าตอบยืนยันกลับมาแล้ว เชื่อว่า รัฐบาลจะเร่งผลักดันสู่ที่ประชุมครม. ทันที
ทั้งนี้ที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ครั้งที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-14 มีนาคม 2568 ผลการรับฟังความคิดเห็นพบว่า มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นกว่า 71,000 คน โดยภาพรวมมีผู้เห็นด้วยกับร่างกฎหมายประมาณ 80% และไม่เห็นด้วยประมาณ 20% ในทุกหมวดของร่างกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงในหลายประเด็น เช่น การปรับปรุงคำนิยามบางคำให้มีความชัดเจนมากขึ้น การเสนอให้เพิ่มอำนาจในการส่งเสริมการลงทุน การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ และการออกหลักเกณฑ์ด้านธรรมาภิบาล รวมทั้งการเสนอเห็นด้วยกับการจัดให้มีมาตรการป้องกันการฟอกเงิน
ขณะเดียวกันยังมีการเสนอให้กำหนดทุนจดทะเบียนให้เหมาะสมกับขนาดธุรกิจ และพิจารณาสัดส่วนพื้นที่กาสิโนที่ 10% ว่าอาจน้อยเกินไป แต่ต้องมีมาตรการกำกับที่เข้มงวดรัดกุม มีข้อเสนอให้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องการป้องกันกลุ่มทุนที่ไม่โปร่งใส กำหนดระยะเวลากระบวนการอนุญาตให้ชัดเจน เพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ และพัฒนาระบบยื่นขออนุญาตออนไลน์
เช่นเดียวกับข้อกำหนดว่าต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน นั้น มีข้อเสนอเข้ามาหลายอย่าง เช่น ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเกณฑ์เงินฝากที่ 50 ล้านบาท เพราะจะมีผลต่อการลงทุนโดยตรง ถ้าฐานลูกค้ามีจำนวนน้อย การลงทุนในธุรกิจนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ส่วนลดเกณฑ์เงินฝากเป็น 10 ล้านบาท และอนุญาตให้ใช้หลักทรัพย์อื่นแทนได้ (เช่น หุ้น ที่ดิน) รวมถึงเพิ่มทางเลือกการตรวจสอบรายได้ เช่น การยื่นแบบภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปี ลดเกณฑ์เงินฝากเป็น 5 ล้านบาท แต่เพิ่มเงื่อนไขรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท
ขณะที่ข้อกำหนดเรื่องฝากเงินขั้นต่ำอาจเป็นการจำกัดสิทธิบุคคลเกินสมควร ควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การกำหนดวงเงินสูงสุดในการเล่นการพนัน การให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการพนันที่มีความรับผิดชอบ