แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 27 มีนาคม 2568 นี้ คาดว่าที่ประชุมจะหารือถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ภายหลังกระทรวงการคลัง ได้ยืนยันร่างกฎหมายกลับมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยืนยันว่า กระทรวงการคลัง ได้ส่งร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว และต้องรอว่าสลค. จะบรรจุวาระเข้าครม.ต่อไป
สำหรับร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... มีเนื้อหาประกอบด้วย 7 หมวด รวม 104 มาตรา ครอบคลุมรายละเอียดทั้งบททั่วไป คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร คณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร สำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการ
รวมทั้งกำหนดรายละเอียดเงื่อนไขการอนุญาตและการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การควบคุมและมาตรการบังคับ ข้อปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่ บทกำหนดโทษ และบทเฉพาะกาล ซึ่งกำหนดในวาระเริ่มแรกให้มีคณะกรรมการชั่วคราวทำหน้าที่คณะกรรมการนโยบาย โดยให้ข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นเลขานุการและเลขานุการร่วม และให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการไปพลางก่อน
โดยแต่งตั้งผู้อำนวยการให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และให้นายกรัฐมนตรีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐมาปฏิบัติงานที่ในสำนักงานเป็นการชั่วคราวภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
อย่างไรก็ตามในขั้นตอนการผลักดันร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรนั้น ที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ครั้งที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-14 มีนาคม 2568
สำหรับผลการรับฟังความคิดเห็นพบว่า มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นกว่า 71,000 คน โดยภาพรวมมีผู้เห็นด้วยกับร่างกฎหมายประมาณ 80% และไม่เห็นด้วยประมาณ 20% ในทุกหมวดของร่างกฎหมาย
ทั้งนี้จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นได้มีข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องสาขาต่าง ๆ เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายในหลายประเด็น โดยเฉพาะการเสนอให้กำหนดทุนจดทะเบียนให้เหมาะสมกับขนาดธุรกิจ และพิจารณาสัดส่วนพื้นที่กาสิโนที่ 10% ว่าอาจน้อยเกินไป แต่ต้องมีมาตรการกำกับที่เข้มงวดรัดกุม
พร้อมทั้งมีข้อเสนอให้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องการป้องกันกลุ่มทุนที่ไม่โปร่งใส กำหนดระยะเวลากระบวนการอนุญาตให้ชัดเจน เพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ และพัฒนาระบบยื่นขออนุญาตออนไลน์
อีกทั้งยังมีข้อกำหนดว่าต้องมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน นั้น มีข้อเสนอเข้ามาหลายอย่าง เช่น ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเกณฑ์เงินฝากที่ 50 ล้านบาท เพราะจะมีผลต่อการลงทุนโดยตรง ถ้าฐานลูกค้ามีจำนวนน้อย การลงทุนในธุรกิจนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้
รวมทั้งเสนอให้ลดเกณฑ์เงินฝากเป็น 10 ล้านบาท และอนุญาตให้ใช้หลักทรัพย์อื่นแทนได้ เช่น หุ้น และที่ดิน และยังขอให้เพิ่มทางเลือกการตรวจสอบรายได้ เช่น การยื่นแบบภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปี ลดเกณฑ์เงินฝากเป็น 5 ล้านบาท แต่เพิ่มเงื่อนไขรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท
ส่วนข้อกำหนดเรื่องฝากเงินขั้นต่ำนั้น มีข้อเสนอว่า อาจเป็นการจำกัดสิทธิบุคคลเกินสมควร ควรพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น การกำหนดวงเงินสูงสุดในการเล่นการพนัน การให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการพนันที่มีความรับผิดชอบด้วย