นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวให้เห็นหลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติตรึงค่าไฟ 4.15 บาทต่อหน่วยงวด พ.ค.-ส.ค. 68 ว่า รู้สึกเสียดายที่ประเทศไทยต้องเสียโอกาสและขีดความสามารถในการแข่งขัน
จากการที่ภาครัฐยังคงอัตราไฟฟ้าที่เรียกเก็บจากประชาชนเฉลี่ยงวเดือนพ.ค.-ส.ค.2568 อยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วยดังกล่าว โดยไม่สามารถปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม 3.70 บาทต่อหน่วยได้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาภาคเอกชนได้เสนอให้ภาครัฐพิจารณาหลากหลายแนวทางและวิธีการคำนวณค่าไฟของประเทศไทยให้สามารถปรับลดลงได้โดยเร็วที่สุด
แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่เคยหยิบยกขึ้นมาพิจารณา ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร และไม่มีการแก้ไขหรือทำอะไรให้ดีขึ้นเลย ทำให้แต่เพียงคงค่าไฟอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ทำให้คนไทยต้องใช้ไฟแพงต่อไปอีก 4 เดือน
ที่ผ่านมารัฐบาลเคยประกาศแนวคิดต้องการเห็นค่าไฟ 3.70 บาทต่อหน่วยมาแล้ว แต่จะเห็นว่าการทำงานระหว่างนโยบายภาครัฐกับ กกพ. ยังมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ทำให้การดำเนินงานที่ไม่สอดประสานกัน ไม่มีการตกผลึกความคิดและแนวทางเพื่อประชาชนร่วมกันอย่างแท้จริง
สำหรับค่าไฟ 4.15 บาทต่อหน่วยงวด พ.ค.-ส.ค. 68 มาจากการที่ กกพ. มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในงวดเดือนพ.ค. - ส.ค. 68 คงเดิมที่ 36.72 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งสอดคล้องกับอัตราที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอมา
เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วยแล้ว ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็น 4.15 บาทต่อหน่วย เท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน