“สุพัฒนพงษ์” ยัน "วาระลับกองทุนน้ำมัน" ผ่านครม. พร้อมกู้1.5แสนล้าน

17 ส.ค. 2565 | 06:06 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2565 | 14:56 น.

“สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ แจงยิบวาระลับ ครม. ไฟเขียวร่างพ.ร.ก.ให้กระทรวงการคลังค้ำประกันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้เงิน แก้วิกฤต 1.5 แสนล้านบาท ยันไม่มีสะดุด รอกฎหมายผ่านกฤษฎีกา ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา พร้อมกู้ทันที

จากกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หารือวาระลับ และได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กรอบวงเงิน 1.5 แสนล้าน เป็นที่เรียบร้อย และส่งสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนนั้น

 

ความคืบหน้าล่าสุด นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยรายละเอียดว่า เรื่องนี้เป็นวาระลับ ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการ หลังผ่านการเห็นชอบจากครม. ตามปกติของวิธีการเสนอกฎหมายที่เป็น พ.ร.ก. ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ก็มีผลบังคับใช้ โดยสามารถกู้เงินได้ทันที 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้เมื่อยังอยู่ในสมัยประชุมสามัญของรัฐสภา ก็ต้องนำเสนอเข้าไปให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พิจารณาด้วย ซึ่งเชื่อว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร 

“เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน และตอนนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวในต่างประเทศแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ราคาจะเป็นยังไงต่อ ดังนั้นเพื่อให้กองทุนน้ำมันได้ดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ของตัวเองในการช่วยเหลือดูแลประชาชนได้ต่อไป ก็ต้องเร่งทำเรื่องนี้โดยเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามทุกวิถีทางแล้วในการสร้างสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมัน จนมาเป็นพ.ร.ก.ฉบับนี้”

 

นายสุพัฒนพงษ์ ยอมรับว่า กรณีการกู้เงินของกองทุนน้ำมัน จะกู้เต็มกรอบวงเงินที่ผ่านครม. วงเงิน 1.5 แสนล้านโดยหรือไม่นั้น เรื่องนี้เป็นรายละเอียด แถมเป็นวาระลับที่คุยในครม. คงบอกทั้งหมดไม่ได้ แต่เชื่อว่า การกู้เงินคงไม่ได้กู้เงินทันทีเลยในครั้งเดียว เพราะคงต้องทยอยกู้ตามความเหมาะสม เพื่อใช้ทั้งหนี้เดิม และสำรองเอาไว้ใช้ในช่วงต่อไป

 

ส่วนวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท จะเพียงพอต่อการกู้วิกฤตกองทุนน้ำมันได้จนสุดทางหรือไม่นั้น รองนายกฯ ระบุว่า จะเพียงพอหรือไม่ต้องดูกรอบวินัยทางการเงินการคลัง ไม่ให้เกินกรอบ 70% ต่อ GDP ด้วย ซึ่งตัวเลขนี้นั้น เป็นตัวเลขที่กระทรวงการคลังประเมินออกมาแล้วว่า สามารถดำเนินการได้โดยที่ไม่กระทบกับวินัยการเงินการคลัง

“แม้ในกรณีกองทุนมีความสามารถกู้เงินได้เอง โดยไม่มีใครมาช่วยสนับสนุนต้องมาค้ำประกัน หรือเข้ามาช่วยเหลืออะไร การกู้เงินของกองทุนทั้งหมด ก็ถือเป็นหนี้สาธารณะ จะไปซ่อนไปหลบไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้สบายใจได้ว่า กระทรวงการคลังได้ดูแลเรื่องนี้อย่างดี และคำนวณตัวเลขออกมาเหมาะสมแล้ว”

 

อย่างไรก็ตามในรายละเอียดเบื้องต้นของการกู้เงิน ล่าสุด กระทรวงการคลัง ได้สรุปออกมาแล้วแต่ยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนจะเป็นการกู้สถาบันการเงินในประเทศหรือต่างประเทศนั้น รองนายกฯ ระบุว่า เป็นไปได้หมด แต่หลักการตอนนี้ขอให้เร็วและเกิดความคล่องตัวมากที่สุด

 

ส่วนแนวทางการปัญหาอื่น เช่น มีการเสนอว่าให้เก็บภาษีลาภลอยจากโรงกลั่นน้ำมันนั้น อธิบายว่า ถ้าย้อนไปดูข้อมูลในอดีตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้เวลา อีกทั้งยังมีเกณฑ์ต่าง ๆ ค่อนข้างมาก ส่วนการเจรจากับผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน ก็มีการหารืออยู่ แต่ปัจจุบันค่าการกลั่นก็ลดลงมามากแล้ว เหลืออยู่แค่ประมาณลิตรละ 2 บาทกว่า ๆ เท่านั้น

 

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญในยามวิกฤตครั้งนี้ รัฐบาลต้องประคับประคองให้ผ่านพ้นไปให้ได้ และรักษาวินับทางการเงินการคลังให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งวิกฤตนี้ถือว่าท้าทายการทำงานของรัฐบาล เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอน อะไรจะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเฉพาะเรื่องของราคาพลังงานที่ผันผวน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ด้วยปัญหาด้านพลังงานที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จนมีข่าวว่าอาจจะมีคนมาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแทน ซึ่งปัจจุบันนี้เก้าอี้รัฐมนตรียังมั่นคงอยู่หรือไม่ รองนายกฯ ตอบทันควันว่า ไม่ทราบ และตอนนี้ก็ยังนั่งเก้าอี้สี่ขาเหมือนเดิม และยืนยันทำหน้าที่ต่อไป โดยเฉพาะปัญหาหน้างาน และวางแนวทางไว้รองรับอนาคต