ราคาน้ำมันดีเซลวันนี้2565 จะปรับขึ้น-ลงหรือไม่ คงเป็นคำถามที่ประชาชนให้ความสนใจ หลังจากที่เวลานี้ราคาน้ำมันดีเซลล่าสุดอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร หรือเรียกว่า 35 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ เนื่องจากวันนี้ (29 ส.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) โดยหัวข้อที่จะประชุมก็คือ "การทบทวนราคาดีเซลประจำสัปดาห์"
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา กบน. ได้มีมติตรึงราคาน้ำมันดีเซลเอาไว้ที่ระดับ 34.94 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นการตรึงราคาต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
สำหรับเหตุผลที่ราคาจำหน่ายน้ำมันดีเซลในประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคานั้น นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ระบุว่า เพื่อช่วยประคองผลกระทบด้านค่าครองชีพของประชาชนถึงแม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกยังมีความผันผวน โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 137.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 6.56 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า (12 สิงหาคม 2565) ซึ่งอยู่ที่ 130.96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมาจาก การคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งตลาดได้รับแรงหนุนจากการห้ามการส่งออกน้ำมันของรัสเซียโดยสหภาพยุโรป
ซึ่งอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้นอย่างมากและส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า การคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปจะบังคับให้การผลิตน้ำมันของรัสเซียต้องปิดตัวลงประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในสิ้นปี 2565 และเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566
นอกจากนี้ ด้านกลุ่มโอเปกโดย Haitham Al Ghais เลขาธิการคนใหม่ของโอเปก กล่าวว่าการลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซที่ไม่เพียงพอ หลังจากที่ราคาน้ำมันตกต่ำในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กำลังการผลิตสำรองของโอเปกลดลงอย่างมาก
สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 21 สิงหาคม 2565 ติดลบ 118,010 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกนั้น หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 29 สิงหาคม 2565
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากซาอุดิอาระเบียที่ออกมาส่งสัญญาณว่ากลุ่มโอเปกพร้อมที่จะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงเพื่อพยุงราคาน้ำมัน โดยทางกลุ่มอาจจะไม่ได้มีการปรับลดกำลังการผลิตในทันที แต่จะดำเนินการให้สอดคล้องกับปริมาณการส่งออกของอิหร่านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยแนวคิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกหลายประเทศของกลุ่มโอเปก
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งคาดจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยตลาดคาดเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ราว 0.75% ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ ขณะที่ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดจะมีการหารือในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ราว 0.75% เช่นกันในการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนหน้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เพื่อชะลอผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงสุดอย่างรวดเร็ว
- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตยังคงปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบ โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3 แท่น มาอยู่ที่ราว 765 แท่น ขณะที่ปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4 แท่นมาอยู่ที่ราว 605 แท่น
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่ม หลังกลุ่มโอเปกส่งสัญญาณปรับลดกำลังการผลิตลง
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในภูมิภาค โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ราว 17.4 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากตลาดยุโรปที่เริ่มชะลอตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ที่ราว 7.2 ล้านบาร์เรล
ปัจจุบันราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นกลุ่มน้ำมันดีเซลวันนี้ เป็นดังนี้