นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการที่มีข่าวปรับราคาช่วงนี้ ภาครัฐควรปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน เพราะสินค้าดังกล่าวมีการแข่งขันสูงผู้ประกอบการผลิตปรับราคาขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นต่อเนื่องราคาสินค้าจำเป็นต้องปรับขึ้นบ้างเพื่อให้อยู่ในระดับที่สามารถผลิตต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นจะเหลือเพียงผู้ผลิตรายใหญ่ผูกขาดตลาด
เช่น กรณีของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มองว่าต้นทุนการผลิตปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาไม่ได้ปรับมาเป็นระยะเวลาหลายปี การขอปรับขึ้นซองละ 1-2 บาท ไม่ถือว่าเกินสมควร แต่หากภาครัฐยังคงดึงเวลาออกไป อาจส่งผลต่อตลาดในเรื่องของการผลิต ผู้ประกอบการอาจต้องหาทางออกใหม่ด้วยการยกเลิกผลิตสินค้าเดิมและผลิตสินค้าตัวใหม่กำหนดราคาใหม่ ที่สุดแล้วคนที่จะได้รับผลกระทบคือผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม มองว่า สินค้าบางชนิดได้รับผลกระทบจากต้นทุนแอบแฝงมากเกินไปจนทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นเกินจริง ไม่ได้เกิดจากต้นทุนวัตถุดิบในการผลิตเพียงอย่างเดียว เช่น ค่าธรรมเนียม ค่าวางสินค้า ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการอื่นๆ ขณะที่ต้นทุนหลักบางชนิดรัฐบาลควรดูแลไม่ใช่ควบคุมราคาปลายทาง เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าขนส่ง หากรัฐบาลดูแลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ราคาสินค้าก็ไม่จำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้น
โดยในวันพรุ่งนี้(16สิงหาคม)เวลา9.30น.ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเดินทางเข้าพบกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เพื่อทวงถามการขอปรับขึ้นราคาและหาทางออกร่วมกันเพราะผู้ผลิตเองก็แบกรับต้นทุนไม่ไหวแล้ว