วันนี้ (10 ก.ย.65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยยอดรวมการใช้จ่ายภาครัฐและประชาชน ภายใต้ “มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศปี 2565” ณ วันศุกร์ที่ 8 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. ผู้ใช้สิทธิ สะสม รวม 32.15 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสมรวม 16,126.4 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. โครงการคนละครึ่ง เฟส 5
มีผู้ใช้สิทธิสะสม 20.16 ล้านคน
ยอดใช้จ่ายสะสม 13,740.7 ล้านบาท
แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 6,957.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 6,783.4 ล้านบาท
2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5
มีผู้ใช้สิทธิสะสม 11.24 ล้านคน
ยอดใช้จ่ายสะสม 2,237.3 ล้านบาท
3. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 747,751 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 148.4 ล้านบาท
ขณะที่ มีผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ถึงวันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ณ เวลา 15.00 น. ทั้งสิ้น 8,339,614 ราย ผ่านเว็บไซต์ 6,060,687 ราย และหน่วยงานรับลงทะเบียน 2,278,927 ราย
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ตั้งแต่เริ่มเปิดลงทะเบียนวันแรก เมื่อ 5 กันยายน 2565 ถึงปัจจุบันยังไม่พบการรายงานปัญหาอุปสรรคจากหน่วยรับลงทะเบียน มีเพียงข้อสงสัยของประชาชนที่กระทรวงการคลัง (กค.) ได้รวบรวมและชี้แจงเพิ่มเติมแล้ว อาทิ “คู่สมรส” สามารถลงทะเบียนได้ทั้งสามีและภรรยาหากมีคุณสมบัติก็มีสิทธิ“ไม่ใช่หนึ่งครอบครัวหนึ่งสิทธิ” และผู้ที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันก็สามารถลงทะเบียนได้ทุกคน
โดยกระทรวงการคลังแนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด โดยเฉพาะ 5 ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด และเลขรหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน เพราะจะไม่สามารถแก้ไขได้หากระบบได้มีการบันทึกข้อมูลแล้ว เป็นต้น
“สำหรับประชาชนที่คุณสมบัติตรงเงื่อนไขโครงการฯ สามารถลงทะเบียนผ่าน 2 ช่องทาง คือ เว็บไซต์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ เว็บไซต์ welfare หรือผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ทั้ง 50 เขตและศาลาว่าการเมืองพัทยา
ซึ่งในวันหยุด เสาร์ – อาทิตย์ ยังสามารถลงทะเบียนได้ที่สาขาของธนาคารที่เปิดให้บริการในห้างสรรพสินค้า ได้จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม นี้ ซึ่งหน่วยบริการเมื่อรวมสาขาธนาคารทั่วประเทศแล้วมีมากกว่า 7,000 แห่ง รัฐบาลเชื่อว่า จะช่วยกลุ่มเปราะบางด้านรายได้ที่ตกหล่น ให้เข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือภาครัฐมากครอบคลุมมากที่สุด” นายอนุชา กล่าว