นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ร่วมกับ 47 หน่วยงาน ว่า ในการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่นี้ จะมีการตรวจคัดกรองคุณสมบัติที่ละเอียดมากขึ้น โดยมีการเชื่อมโยงระบบข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ ถึง 47 หน่วยงาน ซึ่งมากกว่าครั้งก่อนที่เชื่อมโยงข้อมูลกับ 23 หน่วยงานเท่านั้น
เพื่อให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยและต้องการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยคาดว่าจะมีผู้มาลงทะเบียนในครั้งนี้ ประมาณ 13-15 ล้านคน และคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่น้อยกว่าปัจจุบันที่ 48,000 ล้านบาทต่อปี
“รอบนี้คาดว่าจะมีคนมาลงทะเบียนประมาณ 13 - 15 ล้านคน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ได้รับสิทธิในปัจจุบันที่มีอยู่ 13.3 ล้านคน โดยรัฐบาลจะให้สิทธิกับทุกคนที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติ ส่วนงบประมาณที่ใช้ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะจะใช้จำนวนคนเป็นตัวตั้ง ไม่ได้ใช้เงินเป็นตัวตั้ง ส่วนจะได้วงเงินต่อคนเท่าไหร่นั้น คณะกรรมการฯ จะมีการพิจารณาอีกครั้ง” นายสันติ กล่าว
นายสันติ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิในปัจจุบัน จะมีบางส่วนที่บัตรฯ หมดอายุในช่วงปลายปี 65 นั้น กระทรวงการคลัง จะมีการยืดอายุบัตรฯ ทั้งหมดออกไป และสามารถใช้สิทธิได้ปกติ จนกว่าจะเริ่มมีการใช้สิทธิฯ ใหม่ ซึ่งจะใช้สิทธิผ่านบัตรประชาชนเพียงใบเดียว โดยคาดว่าจะเริ่มใช้สิทธิฯ ครั้งใหม่ได้ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 66
สำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการฯรอบใหม่ จะเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน - 19 ตุลาคม 65 โดยผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการฯ ปัจจุบัน จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน ผ่านจุดรับลงทะเบียนใน 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรมบัญชีกลาง (สำนักงานคลังจังหวัด)
กรมการปกครอง (ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ) กรุงเทพมหานคร (สำนักงานเขต) และสำนักงานเมืองพัทยา รวมกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ และผ่านช่องทางการลงทะเบียนทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th
สำหรับหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง 47 หน่วยงาน ที่มีการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ประกอบด้วย กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร กรมการปกครอง กรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา กรมที่ดิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานประกันสังคม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรมการขนส่งทางบก
กรมการกงสุล กรมราชทัณฑ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมควบคุมโรค สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมหม่อนไหม การท่าเรือแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งหน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง