นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2566 กนอ.ได้จัดทำแผนวิสาหกิจฯ แผนปฏิบัติการฯ และแผนแม่บทต่างๆ ที่ สอดคล้องกับ(ร่าง)แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 คือในช่วงปี 2566-2570 โดยแผนวิสาหกิจฯ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ นำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากล ด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน (Internationalize Standard Industrial Estates with Sustainable Innovation)
ทั้งนี้ เพื่อมุ่งมั่นบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมด้วยมาตรฐานสากล ซึ่งการที่ กนอ.จะบรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอก เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนทิศทางของ กนอ.ให้บรรลุผลตามที่ตั้งเป้าไว้
กนอ.มุ่งยกระดับการบริหารนิคมอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ทั้ง S-Curve และ New S-Curve ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล และลูกค้าเดิมที่ กนอ. มีอยู่
โดยมุ่งสร้างการเติบโตและส่งเสริมการลงทุนด้วยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง มุ่งเน้นการบริการและการดำเนินงานด้วยการนำระบบอัจฉริยะมาใช้ในนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate : Smart I.E.) รวมทั้งยกระดับการบริการอนุมัติ-อนุญาตที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ในลักษณะของระบบอัตโนมัติ(Automated) ตลอดจนการเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
นอกจากนี้ กนอ. ยังแสวงหาโอกาสจากการลงทุนผ่านกลไกของบริษัทในเครือ (Holding Company) ทั้งการจัดตั้ง/ขยายนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม จากการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคให้เติบโตภายใต้รูปแบบ BCG Model (การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) รวมทั้งบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดศักยภาพสูงสุด
นายวีริศ กล่าวต่อไปอีกว่า กนอ.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจซึ่งดำเนินภารกิจในการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม ที่บริการระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการอย่างครบวงจรแก่การประกอบอุตสาหกรรม การให้บริการอนุมัติ/อนุญาตการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม และสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ตลอดจนการควบคุมและกำกับดูแลการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง รวมทั้งประเมินศักยภาพการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อเตรียมพร้อมรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างเหมาะสม
ในปีงบประมาณ2565กนอ.จึงสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซีด้วยการจัดหาแหล่งน้ำสำรองสำหรับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โดยการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำดิบระหว่าง กนอ. และบริษัทเอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมได้
นอกจากนี้ ยังมีการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านการจัดการพลังงาน อาทิ โครงการลงทุนในบริษัทวิศวกรรมพลังงาน กับบริษัทเอกชน เป็นต้น