“อุยกูร์”เอฟเฟกต์ ถก FTA ไทย-อียูส่อยื้อ สหรัฐจ่อทุบซ้ำขึ้นภาษี

14 มี.ค. 2568 | 11:52 น.
อัปเดตล่าสุด :14 มี.ค. 2568 | 12:53 น.

ผู้เชี่ยวชาญฟันธง ประเด็นอียูตำหนิไทยส่งชาวอุยกูร์ให้จีนกระทบเจรจาเอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรปส่อยื้อ ชี้ไม่ง่ายเหมือน FTA อียู-เวียดนาม จับตาสหรัฐใช้อ้างขึ้นภาษีไทย

จากเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 สมาชิกสภายุโรปได้ลงคะเเนนรับรองญัตติประณามไทยเรื่องการส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน และเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป ใช้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยและสหภาพยุโรป(อียู) อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นเครื่องมือกดดันรัฐบาลไทยให้แก้ไขกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพทางการเมือง และปฏิบัติตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล

นอกจากนี้สมาชิกรัฐสภายุโรปขอให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เข้าถึงผู้แสวงหาที่พักพิงชาวอุยกูร์ที่ถูกกักกันทั้งหมด อย่างไม่มีข้อจำกัดและให้ข้อมูลโปร่งใสเกี่ยวกับสถานะ

รองศาสตราจารย์ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยในหลากหลายมิติอย่างแน่นอน โดยเรื่องของอุยกูร์ ตอกย้ำการบริหารจัดการ และนโยบายสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้วไม่อิสระเสรี และไม่คำนึงถึงสิทธิของแรงงานมากพอ 

ทั้งนี้ในส่วนของการจัดทำ FTA รศ.ดร.อัทธ์ ได้ยกตัวอย่างการจัดทำเอฟทีเอระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม ที่ได้บรรลุความตกลงและมีผลบังคับใช้แล้วหลายปีก่อนนี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่าการทำเอฟทีเอของอียูกับเวียดนาม  ไม่มีประเด็นในเรื่องเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้สามารถบรรลุข้อตกลงการทำเอฟทีเอได้ง่ายและเร็วมาก

กรณีของไทยในประเด็นการส่งชาวอุยกูร์ให้จีน อาจเป็นอุปสรรคของไทยในการเจรจาและจัดทำเอฟทีเอกับอียูที่อาจสะดุดหรือมีความล่าช้า ทั้งที่ศักยภาพของไทยในเรื่องสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงอุตสาหกรรมบริการไทยมีศักยภาพสูงกว่าเวียดนาม

ต่อทางออกของเรื่องนี้ รัฐบาลต้องแสดงเหตุผล รวมถึงเอกสาร หลักฐานต่าง ๆ ที่สามารถจับต้องได้บนฐานข้อมูลที่แท้จริง รวมถึงแสดงจุดยืนในนโยบายว่าไทยเคารพในสิทธิมนุษยชนอย่างไรที่ต้องชี้แจงกับอียู เพราะล่าสุดในกรณีของอุยกูร์ คนไทยที่ฟังข้อมูลข่าวสารก็ไม่รู้จะเชื่อใคร จะเชื่อรัฐบาลดี เชื่อฝ่ายค้านดี หรือจะเชื่อต่างประเทศดี เพราะต่างชาติหลายประเทศที่ผ่านมายินดีรับชาวอุยกูร์จากประเทศไทย

อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และอาเซียน

“เรื่องอุยกูร์ที่เป็นประเด็นขึ้นมาในเวลานี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องระหว่างไทยกับ-สหภาพยุโรปเท่านั้น แต่เรื่องอุยกูร์ ยังเป็นประเด็นที่สหรัฐอเมริกากำลังเพ่งเล็งไทยด้วยเช่นกัน กรณีตัวอย่างก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาก็เคยแซงชั่นจีน เรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ในซินเจียง โดยสหรัฐประกาศไม่รับซื้อฝ้าย และแผงโซลาร์เซลล์จากซินเจียง รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมหรือสินค้าต่าง ๆ ที่ผลิตจากซินเจียง จากมีการใช้แรงงานที่ไม่เคารพสิทธิมนุษยชน”

ดังนั้นต้องจับตาสหรัฐว่าจะใช้ประเด็นส่งชาวอุยกูร์ให้จีนในครั้งนี้มาเล่นงานไทย โดยใช้เป็นหนึ่งในประเด็นที่จะใช้เหตุผลในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยได้ นอกเหนือจากในประเด็นที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐมากอยู่ในลำดับที่ 11 ที่กำลังถูกเพ็งเล็งเพื่อขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในเวลานี้

อนึ่ง จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร การค้าไทย-สหภาพยุโรป หรืออียู 27 ประเทศ ในปี 2567 ล่าสุด มีมูลค่าการค้ารวมในรูปเงินบาท 1.77 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.49% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยไทยส่งออก 995,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.15% นำเข้า 774,248 ล้านบาท ลดลง 1.00% ไทยได้ดุลการค้า 221,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.58%

โดยสินค้าส่งออก  5 อันดับแรกของไทยไปอียู ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, อัญมณีและเครื่องประดับ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ, ไก่แปรรูป และผลิตภัณฑ์ยาง

ส่วนสินค้านำเข้า 5 อันดับแรกของไทยจากอียู ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม, เคมีภัณฑ์, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า