ร้อยตรี จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับการรายงานจากพาณิชย์จังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ว่าในช่วงที่ผ่านมามีเกษตรกรร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรกรณีขายข้าวเปลือกให้แก่ท่าข้าวแห่งหนึ่งในอำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าข้าว
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรจึงได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดำเนินการ ทราบว่าขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างให้ความช่วยเหลือในการทวงถามค่าข้าวแก่เกษตรกร
ทั้งนี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตรตรวจสอบพบว่าท่าข้าวดังกล่าวเคยได้รับอนุญาตประกอบกิจการค้าข้าว แต่ใบอนุญาตหมดอายุตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 และไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาต จึงเป็นการประกอบการค้าข้าวโดยไม่มีใบอนุญาต
โดยเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. 2489 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พาณิชย์จังหวัดพิจิตรจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ร้อยตรี จักรา กล่าวเพิ่มเติมว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการรับซื้อข้าวของผู้ประกอบการและโรงสีในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อเกษตรกร และเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบเกษตรกร
อย่างไรก็ดีได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมทั้งการแสดงราคาและการปฏิบัติตามเงื่อนไขการรับซื้อ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และการใช้เครื่องชั่ง ตวง วัด ที่ได้มาตรฐานและมีเครื่องหมายคำรับรอง ตามพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542
โดยให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบูรณาการร่วมกับสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสิทธิเกษตรกร หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อขายผลผลิตสามารถแจ้งร้องเรียนต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จะดำเนินการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่